ย้อนกลับไปในอดีตสมัยที่ดนตรีเฮฟวีเมทัลกำลังรุ่งเรือง หลายคนคงจำวงดนตรีที่ชื่อ Sanctuary ได้ ด้วยน้ำเสียงสุงลิ่วของ วอเรน เดน กับภาคดนตรีที่หนักหน่วงแต่ก็จมหายไปกับวันเวลาในที่สุดด้วยไม่อาจทานกระแสดนตรีกรั้นจ์ได้ไหว แต่สมาชิกสามคนของ Sanctuary คือวอเรน เดน (ร้องนำ), เจฟฟ์ ลูมิส (กีต้าร์) และ จิม เช็ปเพิร์ด (เบส) ยังคงเกาะกลุ่มกันทำงาน โดยนำแวน วิลเลี่ยม เข้ามาเสริมทีมในฐานะมือกลอง รวมตัวกันใหม่ในนาม Nevermore วงดนตรีที่วันนี้บอกได้เพียงว่าฝืมือและไอเดียในการทำดนตรีของพวกเขามากกว่าชื่อเสียงและความสำเร็จที่พวกเขาควรจะมีมากมายนัก
ในช่วงเวลาที่พวกเขาก่อตั้งวงมามีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งแพ็ท โอ ไบรอั้น มือกีต้าร์มาร่วมงานในชุด The Politics of Ecstasy แต่ก็ออกไปในที่สุด (เพื่อที่จะเข้าร่วมงานกับ Cannibal Corpseในเวลาต่อมา) พวกเขาได้ทิม คาลเวิร์ท มาร่วมงานในฐานะมือกีต้าร์นายคนนี้มีฝีมือก้าวไกลมาจาก Forbidden วง แธรช เมทั่ลรุ่นใหญ่ ก่อนจะปล่อยงาน Dreaming Neon Black ที่คอ แธรช เมทั่ล ได้แต่อ้าปากครางสยิว และภาวนาว่า ไลน์อัป นี้จะอยู่กันนานๆ
แต่หลังจากอัลบั้มถล่มคอแธรชเมทัลให้ขวัญและกำลังใจดีขึ้น ก็มีข่าวให้ใจหายเล่นๆว่าทิม คาลเวิร์ท ลาออก งานนั้นถือเป็นงานระดับสมบูรณ์แบบจริงๆ ทำให้เกิดคำถามว่าทิศทางต่อไปของวงจะเป็นอย่างไร? หลังจากการทำงานที่ได้รับคำชมเชยมากว่ามาถูกทาง หนทางข้างหน้าคงไม่ใช่เรื่องที่หน้าสนุก อย่างน้อยถ้าเลือกที่จะ “ทำซ้ำ” กับของเดิม ก็เสี่ยงกับการถูกหาว่าก็อปปี้ตัวเอง แต่ถ้าฉีกไปทำอย่างอื่น ก็อาจจะกลายเป็นการหลงทาง.
ในเมื่อเคยทำงานดีๆออกมาแล้วดันต้องเสียสมาชิกไปอีกหนึ่งคน Nevermore ก็ยังกลับมาได้ โดยไม่มีการหามือกีต้าร์เข้ามาเสริมทีม คงไม่อยากเจอปัญหามือกีต้าร์ลาออกอีก และงานชุดใหม่ล่าสุดก็ออกมาให้เราได้ฟังกันชื่อ Dead Heart in the Dead World ซึ่งแสวงหาทางออกอย่างนุ่มนวล และถือเป็นการสร้างหนทางตัวเองได้อย่างมั่นคง ชื่นชอบเป็นพิเศษก็คือเรื่องของกีต้าร์ ที่เล่นได้อย่างหนักแต่ว่ามีจังหวะจะโคน คล้ายๆจะรกแต่ไม่มั่ว ลูมิส ก็ยังคงเล่นกีต้าร์ได้อย่างมีพลัง และเว้นช่องว่างให้กับเสียงร้อง เสียงร้องของ เดน ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนสไตล์การร้องต่างไปจากสมัยทำงานในนาม Sanctuary ทีเน้นเสียงสูงลิบลิ่วพอควร แต่ก็ยังมีอยู่ในบางเพลง
ในงานนี้นมีเพลงอมตะนิรันดร์กาลจาก Simon & Garfunkel มาด้วย คือ “The Sound of Silence” ตอนแรกที่เห็นชื่อเพลงไม่คิดจริงๆว่าจะเป็นงานของ Simon & Garfunkel ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะเอาเพลง โฟลค์ มาเล่น แต่พอท่อน intro เริ่มมาก็ต้องตะลึง เพราะว่ามันใช่จริงๆ แต่เป็น “the Sound of Silence” ที่ไม่คาดคิด เพราะพวกเขาเอามาบรรเลงในแบบฉบับของตัวเองแบบเอาไปหลอกคนไม่รู้จักเพลงนี้ หรือต่อให้รู้จักเพลงนี้แต่ไม่ฟังเนื้อร้อง ก็คงจะคิดว่านี่เป็นเพลงของพวกเขาจริงๆ
ภาคการผลิตอัลบั้มค่อนข้างจะทำได้อย่างชัดเจน เครื่องดนตรีและเสียงร้องค่อนข้างจะชัดเจนในแต่ละไลน์ จากแค่ท่อนริฟฟ์แรกของเพลง “Narcosythesis” จนถึงเพลงสุดท้าย “Dead Heart in a Dead World”
อันที่จริงดนตรีเมทัลหลังปี 2000 เป็นต้นมาค่อนข้างจะยังไม่มีอะไรน่าสนใจ สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้หลงใหลได้ปลื้มกับดนตรีนูเมทั่ลก็เพิ่งจะมีงานนี้ละที่น่าสนใจ เสียงกีต้าร์อาจจะดูร่วมสมัย คล้ายๆจะไหลไปกับกระแสนู เมทั่ล แต่ก็ยังคงรักษาสไตล์แธรช เมทั่ล เอาไว้ได้อย่างไม่มีที่ติ ดนตรีที่หนัก ดนตรีที่มีท่วงทำนอง ดนตรีที่ความก้าวร้าว ผสมกลมกลืนกันเป็นอย่างดี แม้แต่เพลง “the Heart Collector” ที่ดูจะเป็นเพลงบัลลาด ก็ยังทำได้อย่างมีพลัง เสียงร้องของเดน เป็นในแบบฉบับ เมทั่ล จริงๆ หรือข้ามมาใน “Insignificant” เพลงช้าๆที่โชว์พลังเสียงสบายๆ เสียงกีต้าร์ใสๆ ท่อนโซโล่คมๆบาดใจเป็นความงามที่น่าฟังอย่างยิ่ง
จนถึงทุกวันนี้ถือว่า Nevermore ยังไม่ทำให้แฟนเพลงผิดหวัง