โธมัส ลี เบสส์ (Thomas Lee Bass) เกิดที่เมืองเอเธนส์ ประเทศกรีซ แต่ครอบครัวอพยพมาอยู่ที่แคลิฟอร์เนียเมื่อเขาอายุได้ขวบเดียวเท่านั้น เขาใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป สร้างวีรกรรมวีรเวรเอาไว้ไม่น้อย เขาตั้งวงยูเอสวันโอวัน (U.S. 101) ตอนเรียนไฮสคูล แต่ไปได้ไม่ดีนักเลยออกมาตั้งวงสวีทไนน์ทีน ร่วมกับเกร็ก ลีออน เมื่อได้นิกกี ซิกซ์มาร่วมวงด้วยก็ใช่ว่าจะไปได้ดี เพราะเกร็กลาออกจากวงไปก่อน
ทอมมี ลียกย่องเกร็กว่าเป็นมีกีตาร์ที่ฝีมือดีมาก เทียบเท่าเอ็ดดี แวน เฮเลน เสียงอย่างเดียวคือบุคลิกของเขายังไม่ร็อกเท่าที่ควร มือกีตาร์คนใหม่ชื่อโรบิน แต่ก็อยู่ไม่นานอีก เพราะว่า “สะอาด” เกินไป นิกกีต้องการมือกีตาร์ที่ดูร็อก ทอมมีมองหามือกีตาร์คนใหม่จากโฆษณาในนิตยสารเดอะรีไซเคลอร์ (The Recycler) และพบข้อความน่าสนใจว่า “มือกีตาร์เสียงดัง หยาบคายและก้าวร้าวกำลังว่าง” (Loud, rude and aggressive guitarist available) เขาจึงโทรไปหาให้มาทดสอบฝีมือดู

คนที่ลงโฆษณาข้อความนั้นคือบ็อบ อัลเลน ดีล (Bob Allen Deal) หรือที่เรารู้จักกันในนามมิค มาร์ส มือกีตาร์ผู้เงียบขรึม แต่ในสมัยนั้นเขาใช้ชื่อว่าซ็อร์กกี ชาร์เลอเมจ์น (Zorky Charlemagne) เคยเล่นกับวงไวท์เฮาส์ (White House) ซึ่งเล่นแต่เพลงของคนอื่น แต่เขาเบื่อที่จะเล่นเพลงของคนอื่นอยากเขียนเพลงเองบ้าง และในการซ้อมดนตรีครั้งหนึ่ง มือเบสของวงในขณะนั้นพูดหลังจากซ้อมเสร็จว่า “Well, this certainly is a motley-looking crew” ซึ่งเจ้าคำนี้ถูกใจมิคมากจนเขาเอามาเขียนว่า Motley Crew จากนั้นเขาก็เปลี่ยนไปเขียนด้วยตัวพิมพ์ ใหญ่ว่า MOTLEY CRU. และเก็บไว้โดยหวังว่ามันจะเป็นชื่อวงดนตรีของเขา แต่พอเขานำเสนอไอเดียวให้เปลี่ยนชื่อวง พร้อมกับแนะนำให้เลิกเล่นเพลงของคนอื่นแล้วหันมาแต่งเพลงเอง กลายเป็นว่าสมาชิกคนอื่นรวมหัวกันไล่เขาออกจากวง
เมื่อเขาไปลงโฆษณาในนิตยสารเดอะรีไซเคลอร์ก็มีคนมาเรียกเขาไปทดสอบหลายคน แต่เขาไม่ค่อยพึงใจ จนกระทั่งได้รับคำชวนจากทอมมี หลังจากซ้อมกันเสร็จ มิคเป็นคนเดินเข้าไปบอกโรบิน มือกีตาร์ในขณะนั้นให้ออกไปเพราะวงนี้ต้องการเขาคนเดียว!! ดูความห้าวของเขาในช่วงนั้นแล้วไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงเข้ากับนิกกีและทอมมีได้เร็วนัก
สมัยนั้นนักร้องนำของวงชื่อโอดีน (O’Dean) เสียงดีแต่มีปัญหากับนิกกีตั้งแต่เรื่องเล็กน้อย อย่างเช่นเมื่อนิกกีต้องการเสียงตบมือแบบวงชีปทริค (Cheap Trick) เพื่อให้เพลงฟังดูเป็นแกล็มร็อก โอดีนก็ไม่ยอมถอดถุงมือเพื่อตบมือในตอนทำเดโมเทป เพราะเขาเห็นว่าคนอื่นก็ตบมือกันได้ (ว่าแต่ทำไมเขาไม่ถอดถุงมือ) ความขัดแย้งเล็กน้อยทำให้งานล่าช้ากว่าที่คิด จนนิกกีต้องยุทอมมีให้เสียสละตัวเองไปนอนกับซาวนด์เอนจิเนียร์ประจำห้องบันทึกเสียงเพื่อที่จะได้ใช้ห้องบันทึกเสียงฟรี
ในที่สุดมิคถึงกับออกปากกว่าเกลียดโอดีนและอยากได้นักร้องนำของวงร็อกแคนดี (Rock Candy) มาแทน และวงการดนตรีมันแคบเหลือใจ เพราะนักร้องนำคนที่มิคเห็นว่าเหมาะสมไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเพื่อนเก่าของ ทอมมีสมัยอยู่โรงเรียนมัธยมนั่นเอง
วินเซนท์ นีล เวอร์ตัน (Vincent Neil Wharton) นักร้องนำเสียงสูงฉายแววร็อกสตาร์มาตั้งแต่อยู่โรงเรียนมัธยม ในตอนแรกเขาไม่สนใจข้อเสนอของทอมมีที่ชักชวนให้เขาไปร่วมวงมากนัก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธลูกตื๊อ ให้เสียน้ำใจเพราะเป็นเพื่อนสนิทกันมา แถมทอมมียังเคยให้ที่นอนกับวินซ์ตอนที่เขาไม่มีที่จะอยู่เสียด้วย
จนกระทั่งวันหนึ่ง สมาชิกสองคนของร็อกแคนดีไม่ยอมไปเล่นดนตรีเสียดื้อ ๆ แถมยังบอกว่าจะหันไปเล่นแนวนิวเวฟด้วย ทำให้วินซ์รับข้อเสนอของทอมมีและกลายเป็นนักร้องนำของวง ไม่นานนักก็กลายเป็นวงหัวแถวของถิ่นแอลเอ แม้แต่เดวิด ลี ร็อธยังเคยมาดูการแสดงของพวกเขา และยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับธุรกิจดนตรีหลายต่อหลายอย่าง แต่ก็ไม่ค่อยจะช่วยให้วินซ์ฉลาดขึ้นเลย
ความผิดพลาดอย่างแรกคือพวกเขาผลีผลามไปเซ็นสัญญากับอัลเลน คอฟฟ์แมน (Allen Coffman) ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรพวกเขาเท่าไหร่ แล้วเมื่อตอนที่พวกเขาไปสัมภาษณ์สดทางวิทยุครั้งแรก พวกเขาก็ทำอะไรกันไม่ถูก เจอคำถามว่า “พวกคุณมาจากที่ไหนกัน?” ก็ได้แต่มองหน้ากันอยู่นาน ก่อนที่มิคจะตอบว่า “Mars” (ดาวอังคาร) ถึงจะอย่างนั้น เมื่อพวกเขาทำอัลบั้มแรกกันเสร็จ และออกจำหน่ายกันเองภายใต้บริษัทลีเธอร์เร็คคอร์ด (Lethür Rec.) ของพวกเขาเอง ก็ทำยอดขายได้มากกว่าสองหมื่นชุดและทำให้บริษัทอิเล็คตรา (Electra) สนใจทำสํญญากับพวกเขา
One thought on “Mötley Crüe: Rise to Fame”