พวกเขายังคงเล่นดนตรีหนักแน่นคมกริบแบบ With Oden on Our Side ท่อนริฟฟ์ที่รุนแรงประสานไลน์กันงดงาม โดยเฉพาะความโดดเด่นของภาคริธึ่ม ต้องลองฟังด้วยตัวเองในเพลง “Free Will Scarifice” เพลงนี้เป็นเพลงจังหวะปานกลางที่ไม่เร็วไม่ช้า อาศัยความเก๋าเกมส์ในการทำเพลงโดยอาศัยภาคริธึ่มที่ยอดเยี่ยม ทำให้เพลงนี้ไม่น่าเบื่อ
แต่ส่วนอื่นยังค่อนข้างจะยืนตามสไตล์เดิมๆที่เคยเล่นมา ทั้งภาคกีตาร์ที่สอดแทรกโซโล่ที่มีท่วงทำนองสวยๆ เข้ามาเป็นระยะ การเบิ้ลกระเดื่องที่เร่งเร้า การสร้างริฟฟ์ที่ให้ความรู้สึกฮึกเหิม โจนทะยานราวกับกำลังจะควบตะบึงเข้าสู่สนามรบแบบที่ Amon Amarth ทำนี้ยังเป็นความโดดเด่นเฉพาะตัวอยู่ อย่าง“Tattered Banners and Bloody Flags” นี่เสมือนเป็นเพลงมาร์ชที่กำลังนำเราไปสู่สงครามที่ยิ่งใหญ่
การพยายามค้นหาอะไรใหม่ๆ ในงานชุดนี้ อาจจะเป็นการเชิญนักดนตรีคนอื่นเข้ามาช่วยเล่นให้บ้าง อย่าง Roope Latvala จาก Children of Bodom มาช่วยเล่นกีตาร์ ใน “Twilight of the Thunder God” ซึ่งก็ไม่ได้ฉีกแนวหรือสร้างความประหลาดใจอะไรนัก แต่กับ Apocalyptica ที่มาช่วยเล่นในเพลง “Live For the Kill” นี่ต้องบอกว่าช่วยสร้างบรรยากาศให้กับบทเพลงให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ส่วน Lars Göran Petrov จาก Entombed ก็มาช่วยร้องใน “Guardians of Asgaard”
Amon Amarth ยังคงรักษามาตรฐานเดิม ตั้งแต่หน้าปกอัลบั้มที่ยังคงสไตล์เดิมเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง และไม่เพียงหน้าปกเท่านั้น ดนตรีภายในก็ยังคงเป็นแบบเดิม หลังจากทำผลงานเยี่ยมๆ ที่แสดงพัฒนาการมาหลายอัลบั้มมาแล้ว ดูเหมือนว่าในที่สุด Amon Amarth เริ่มจะหยุดนิ่งในงานชุดนี้ แต่ความหยุดนิ่งที่ว่ามันไม่ใช่การย่ำอยู่กับที่ เพียงแต่สไตล์การทำดนตรีเริ่มไม่มีอะไรให้ประหลาดใจเท่านั้นเอง