ความสำเร็จของ Steel Panther ในงานชุดแรก Feel The Steel ทำให้หลายคนแปลกใจอยู่เหมือนกัน เพราะไม่มีใครคิดว่าการทำเพลงย้อนอดีตแกล็ม เมทั่ลยุค 80s จะยังประสบความสำเร็จได้ แม้แต่วงแกล็มเมทั่ลที่เคยรุ่งเรืองในยุคนั้นเองก็เปลี่ยนทิศทางดนตรีไปทางอื่นเกือบหมดแล้ว หรืออาจจะด้วยเหตุว่าไม่มีใครเล่นแบบนี้แล้ว ทำให้คนฟังที่เคยมีอดีตร่วมกับยุค 80s หันมาฟังพวกเขาเพื่อทดแทนสิ่งที่ขาดหายไป
เสน่ห์ ของ Steel Panther มีอยู่สองอย่าง คือ การทำดนตรีและสร้างภาพลักษณ์ย้อนรอยแกล็มเมทั่ลยุค 80s กับการเขียนเพลงที่มีเนื้อหาทะลึ่งทะเล้นเน้นเอาฮาเป็นหลัก แม้แต่ “If You Really Really Love Me” เพลงกึ่งๆ บัลลาดที่ฟังผ่านๆ เหมือนจะเป็นเพลงหวานบาดใจ แต่เนื้อหาจริงๆ ก็ไม่พ้นเอาฮา ถ้าวัดด้านฝีมือการเล่นและการทำดนตรีพวกเขาทำออกมาได้ซีเรียสมาก ถึงจะมีซาวนด์ของวงรุ่นพี่ๆ ติดมาบ้างประปรายก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะรู้สึกเหมือนว่าเขาพยายามจะ “ล้อ” หรือ “อำ” วงรุ่นพี่มากกว่า อย่างเช่นการเปิดอัลบั้ม “In the Future” เหมือนพวกเขากำลังล้ออัลบั้ม Shout at the Devil ของ Mötley Crüe อยู่ด้วยเนื้อหาไร้สาระผิดกับซาวนด์ที่ดูซีเรียส ดังนั้น ซาวนด์ที่ไปละม้าย Van Halen ใน “Just Like Tiger Woods” หรือที่คล้าย Mötley Crüe ใน “Tomorrow Night” กับ “I Like Drugs” หรือที่ไปคล้าย Def Leppard ใน “If You Really Really Love Me” ก็ต้องยกประโยชน์ให้พวกเขาว่าตั้งใจทำซาวนด์เพื่อล้อเลียน
ถ้าตัดเรื่องเนื้อหาทะเล้นทะลึ่งตามประสาพวกเขาออกไปแล้ว งานชุดนี้มีทุกอย่างที่วง แกล็ม เมทั่ลวงหนึ่งต้องการเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในยุค 80s เสียงร้องของ ไมเคิล สตารร์ มีพลัง และสามารถโหนเสียงได้ดี แซทเชิล ก็มีคุณสมบัติของมือกีต้าร์ฮีโร่ที่ควรจะมี ทั้งการสร้างริฟฟ์ที่ติดหู การโซโลที่เฉียบคม ส่วนมือกลองและมือเบสก็คุมริธึ่มกันอยู่มือ
เป็นงานที่ฟังได้เรื่อยๆ สำหรับคนชอบ แกล็ม เมทั่ล ไม่ต้องหวังเนื้อหาสาระ เน้นความสนุกและมันส์กันอย่างเดียว