เบรธเลส: เอเวอลาสทิงบียอนด์ฟอร์เอฟเวอร์
จากที่เคยติดตามมาตั้งแต่อีพี ดรีมออฟดัสท์ฟอร์เอฟเวอร์ (Dream of Dust Forever ไม่แน่ใจว่าออกปีไหน น่าจะ 3 – 4 ปีมาแล้ว) ข้ามมาอีกทีก็เพิ่งจะได้ฟังเป็นชิ้นเป็นอันอีกในคราวนี้…ช่างเป็นการทิ้งช่วงที่ยาวนาน. ระหว่างนั้นได้เห็นการแสดงสดบ้าง ฟังเพลงใหม่บางเพลงบ้าง แล้วในช่วงปีที่แล้ว (พ.ศ. 2553) แทบไม่ได้ติดตามการแสดงสดของพวกเขาเลย
ในการเว้นวรรคที่เวิ้งว้าง มีอะไรหลายอย่างที่เปลี่ยนไป
อย่างแรก เสียงคีย์บอร์ด/ซินธ์/เปียโน มีบทบาทในบทเพลงมากขึ้น จากเดิมใน ดรีมออฟดัสท์ฟอร์เอฟเวอร์ เป็นเพียงองค์ประกอบธรรมดาไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ปัจจุบันกลายเป็นตัวสร้างบรรยากาศห่อหุ้มบทเพลงเอาไว้ ยิ่งใน เซนจูรีออฟชาโดว์ (Century of Shadow) ปล่อยให้ซินธ์เด่นไปเลยในตอนต้น ก่อนที่จะอัดเสียงริฟฟ์กีตาร์กับภาคริธึมเข้ามา
เฮ้ย…ฟังไปนึกถึงดรีมเธียเตอร์
แต่พอเข้าท่อนหลักความรู้สึกนี้ก็มลายไป เสียงร้องทำหน้าที่เร้าอารมณ์ได้เยี่ยม ยิ่งท่อนคอรัสของบทเพลงอดคิดไม่ได้ว่าถ้าร้องโหนเสียงเต็ม ๆ สไตล์เพาเวอร์เมทัลจะเป็นอย่างไร?
ในใจเริ่มนึกไปว่า ถ้าเอาเสียงร้องออกแล้วเอาเสียงของเจฟฟ์ เทท หรือไมเคิล คิสเค หรือเฮนซี ครุซมาใส่แทนจะเป็นอย่างไร? บทเพลงนี้ออกจะโปรเกรสซีฟ เมทั่ลมาก แต่ว่าซาวน์ดจากซินธ์ บวกกับสำเนียงและเทคนิคการร้องที่ดึงให้อยู่ในบรรยากาศแบบดากๆ… ถ้าตัดสองอย่างที่ออกไป คงจะได้สไตล์เพลงใกล้เคียงกับเพาเวอร์เมทัลหรือไม่ก็โปรเกรสซีฟเมทัล กีตาร์หลุดออกมาทางนี้เลย กลองเคาะกระเดื่องแบบจะหลุดโทนตามไปด้วย
ความสมดุลในบทเพลงดูจะเอนเอียงไปนิดในเพลงนี้ แต่มันเปิดไปสู่ลีลาดนตรีที่มีสีสันมากกว่าคำว่าดาก!
แต่มันไม่บรรลุสู่จุดสุดยอด
คือเพลงนี้ค่อนข้างยาว (9 นาทีกว่า) ค่อย ๆ บิวท์อารมณ์มาตั้งแต่ต้น ซาวนด์แบบนี้กะว่าจะต้องฟังแล้วเครียดทะมึนกันไปข้าง ปัญหาคือหลายช่วงเหมือนจะดึงอารมณ์ให้อารมณ์เข้าไปสู่ความตึงเครียดได้ มันก็ยังไม่เครียดพอ
ครั้นพอจะหาจุดผ่อนคลายเพื่อให้ฟังเรื่อย ๆ มันก็มาดึงอารมณ์อีกเป็นระยะ ๆ พายุเสียงในท่อนบรรเลงช่วงท้าย คล้ายว่าจะกวาดอารมณ์ให้ถึงจุดแตกได้อีก แต่มันก็ไม่ถึง
มันเลยออกจะค้างคา…
ในภาพรวมแล้ว ความเนี้ยบของบทเพลงมีมากขึ้น อย่างเพลง เบรธเลสส์ (Breathless) ดูป็อปขึ้น ท่อนโซโลกีตาร์เน้นท่วงทำนองแตกต่างจากความรู้สึกแรกเมื่อได้ฟังอีพี ดรีมออฟดัสท์ฟอร์เอฟเวอร์ราวฟ้ากับดิน
กล้าเขียนขนาดนั้นเพราะเดิมทีความรู้สึกแรกที่ได้จากฟังเพลงของเบรธเลสส์รู้สึกว่าเสียงกีตาร์จะดุกว่านี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่ากีตาร์ปัจจุบันไม่ดุ แต่มันดูมีเทคนิคมากขึ้น ใส่ลูกเล่นและดูช่างคิดมากขึ้น ยิ่งตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของเพลง (ตั้งแต่นาทีที่ 3 เป็นต้นไป) เป็นช่วงที่ดึงให้เข้าภวังค์ด้วยเสน่ห์เสียงของกีตาร์และเสียงร้องของนักร้องหญิงที่ล่องลอยเข้ามาก่อนจะตัดเข้าท่อนโซโลกีตาร์ยาวอีกครั้ง สร้างลูกเล่นด้วยส่วนของกลอง
ชอบ มันสะท้อนอารมณ์บางอย่างที่นิ่ง ๆ
เสียงร้องของนักร้องหญิงทั้งป็อป ทั้งสวย และยิ่งดนตรีบรรเลงออกป็อปมากขึ้นในเอมติเนสส์ (Emptiness)
เมโลดิกไลน์ในช่วงอินโทรมันติดหูมาก เสียงของนักร้องหญิงก็เวิ้งว้างได้ใจ แต่มาแค่เป็นสีสันให้กับเพลงเท่านั้น รู้สึกเหมือนว่ายังดันให้เสียงนักร้องหญิงสร้างบทบาทและสีสันได้มากกว่านี้จะช่วยสร้างซาวน์ดป็อปที่น่าสะพรึงอย่าง มาสคีเรดออฟพัพเพ็ทส์ (Masquerade of Puppets) และรู้สึกว่าดีแล้วที่เพลงนี้ใช้เสียงนักร้องหญิงเพียงเท่านั้น การดึงกลับมาใช้เสียงร้องคำรามและตัดกลับของนักร้องหลักทำให้เพลงนี้สมบูรณ์มากกว่า
เคยฟังจากแสดงสดแล้วชอบมาก รู้สึกว่ามันแสดงถึงความสุดขั้วและหม่นมืดแบบมีลีลาลูกเล่นชั้นเชิง คิดว่าเพลงนี้บ่งบอกความเป็นเบรธเลสส์ได้ดีที่สุด ทั้งการบรรเลงเครื่องดนตรี ทักษะการประพันธ์และการเรียบเรียงดนตรี
บทเพลงที่คร่ำครวญแบบ มายชาโดว์ (My Shadow) ฟังแล้วนึกถึงลาคริโมซาวงโปรดของตัวเองขึ้นมาทันที แต่มันจะลุ้นระทึกแล้วผิดคาดหน่อยก็ตรงที่หลังจากเสียงกรีดร้องตะโกนขึ้นมาแล้ว สรรพเสียงเงียบไปสักพัก ใจมันนึกไปว่าเดี๋ยวคงจะมีเสียงดนตรีกระหน่ำซ้ำกัมปนาทในลีลาเอ็กตรีมส์
เปล่าเลย ยังคงดื่มด่ำคร่ำครวญทวยเทวษแล้วค่อย ๆ จางหาย…
Breathless – Everlasting Beyond Forever
(2012)
Produced by Breathless
Records at Underworld Studio, Bangkok, Thailand
สมาชิกวง
- Chaiwat Duangwong Bass
- Thunyawat Wararatchai Drums
- Thassana Asoksiri Guitars
- Tapakorn Suraviroj Keyboards
- Nitchanan Chaleerat Vocals (female)
- Narusha Dithabenjakul Guitars, Vocals
Track Listings:-
- Breathless
- Masquerade of Puppets
- The Starlight Extinction
- Somberness
- May Be I Need to Die Some Other Days
- Emptiness
- My Shadow Triumphant
- Centuries of Shadow
- “The Starlight Extinction (Thai Version)”