การ์เบจได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงแพ็ท โปป เพื่อตอบจดหมายเปิดผนึกของแพ็ท โปป เผยแพร่ในเฟซบุ๊กของพวกเขาดังนี้
แพ็ต โปปที่รัก
เราทุกคนรู้สึกเสียใจเมื่อได้อ่านจดหมายของคุณในเฟซบุ๊กที่คุณตำหนิการขออนุญาตอย่างนอบน้อมของเราที่อยากนำภาพหนึ่งของคุณไปใช้ในหนังสือที่เรากำลังทำเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบปีที่ยี่สิบของเรา
เราเสียใจที่คุณตีความคำขออนุญาตของเราไปในแง่ลบ
เราได้จ่ายเงินค่าตอบแทนให้คุณไปแล้วเมื่อปีค.ศ. 1995 เงินจำนวนนั้นสำหรับภาพถ่ายทั้งหมด รวมทั้งภาพที่เราเลือก เราไม่คาดคิดว่าการขอร้องนั้นจะทำให้เกิดความคิดเชิงปฏิปักษ์ต่อกันก่อนที่คุณจะสอบถามรายละเอียด
เราชื่นชมภาพที่คุณถ่ายให้เรา มันเป็นช่วงเวลาพิเศษในอาชีพของเรา แต่เราไม่เคยตั้งใจที่จะใช้ภาพดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ
ในฐานะวงดนตรีอิสระที่ทำบริษัทของเราเอง เรากำลังดิ้นรนเพื่ออยู่รอดในธุรกิจดนตรีสมัยใหม่ที่โหดร้าย ด้วยความปรารถนาในฐานะศิลปินที่จะผลิตเพลงและสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องสำหรับแฟน ๆ ของเรา
เราไม่ได้หวังกำไรจากการลงทุนทำหนังสือของเรา แต่เป็นการสร้างสรรค์สิ่งที่สวยงามสู่แฟนเพลงเพื่อเฉลิมฉลองทั้งดนตรีและภาพลักษณ์ที่เราโชคดีพอที่จะได้ร่วมงานกันมาในช่วงเวลา 20 ปีของอาชีพของเรา
เราได้เรียนรู้อย่างรวดเร็วและเจ็บปวดว่าการพิมพ์หนังสือโดยไม่มีสำนักพิมพ์ช่วยด้านค่าใช้จ่ายนั้น ทำให้เราไม่มีฐานะทางการเงินพอสำหรับจ่ายให้ภาพถ่ายทุกภาพที่เราหวังว่าจะนำมาใช้ในหนังสือเล่มนี้
ก่อนที่เราจะทิ้งความคิดในการผลิตหนังสือเล่มนี้ เราตัดสินใจว่าเราจะใช้แนวคิดที่ได้จากหนังสือ “พลังแห่งการร้องขอ” (The Power of Asking) ของอแมนดา พาลเมอร์ และเราได้ขอช่างภาพว่าจะอนุญาตให้นำภาพมารวมในหนังสือของเราหรือไม่ เราเคารพคำปฏิเสธและไม่มีร้องขออะไรเพิ่มเติม
เรารู้สึกขอบคุณและยินดีที่ได้รู้ว่าช่างภาพส่วนใหญ่ยินดีให้ภาพของพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในการเล่าเรื่องราวของเรา
เราจะผลิตหนังสือที่ราคาไม่แพงสำหรับแฟนส่วนใหญ่ของเราไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้รับความยินยอมเอื้ออารีของช่างภาพและนักสร้างภาพยนตร์ผู้มีความสามารถน่าอัศจรรย์ใจ ในอดีตศิลปินกว่าศตวรรษที่ผ่านมาได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้ผลงานของพวกเขาได้เห็นและได้ยินไปทั่ว เราภูมิใจและขอบคุณที่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนศิลปินนี้
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้จ่ายค่าตอบแทนอย่างสุขใจให้ช่างภาพ คนทำภาพยนตร์ และผู้ผลิตเนื้อหาอื่น ๆ สำหรับการทำงานของพวกเขาและจะยังคงทำเช่นนั้นในอนาคต เราเชื่ออย่างหมดหัวใจในแนวคิดที่ว่าศิลปินควรได้รับค่าตอบแทนอย่างเป็นธรรมเมื่อเป็นไปได้
คำกล่าวนี้ ทั้งในฐานะวงดนตรีและในฐานะบุคคล เราได้ให้ความช่วยเหลือและให้ใช้ดนตรีของเรา โดยไม่รับเงินค่าตอบแทน เพื่อการทำงานศิลปะร่วมกัน เห็นได้ชัดว่าเราจะพิจารณาทุกคำขอขึ้นอยู่กับเจตนาและประโยชน์ของสิ่งนั้น แต่เราจะไม่ตักเตือนหรือต่อว่าเพื่อนศิลปินที่ร้องขอต่อเราในที่สาธารณะ
ด้วยความนับถือ
เชอร์ลีย์, บัทช์, ดุ๊ค และสตีฟ
“การ์เบจ”