ฟาร์มเอดเป็นคอนเสิร์ตการกุศลเพื่อเกษตรกรในอเมริกา จัดโดยศิลปินรุ่นใหญ่ วิลลี เนลสัน จอห์น เมลเลนแคมป์ และ นีล ยัง
ไอเดียการจัดคอนเสิร์ตนี้มาจากทั้งสามคนได้ยินบ็อบ ดีแลน พูดในงานไลฟ์เอด(ที่จัดขึ้นเพื่อหารายได้ให้คนเอธิโอเปีย) ว่าน่าจะแบ่งเงินรายได้ไปช่วยเกษตรกรอเมริกันที่กำลังเสียพื้นที่การเกษตรของตัวเองไปเพราะจ่ายหนี้ท่วมหัวไม่ไหว
“ผมหวังว่าเงินบางส่วนที่ระดมทุนให้กับประชาชนในแอฟริกา บางทีอาจแบ่งเงินนิดหน่อยหรืออาจ…หนึ่งหรือสองล้าน…เพื่อจ่ายหนี้จำนองให้ฟาร์มบางแห่ง” บ็อบ ดีแลนกล่าวจากเวทีคอนเสิร์ตไลฟ์เอดที่สนามกีฬาเจเอฟเคในฟิลาเดลเฟีย
วิลลี จอห์น และ นีล เลยคิดกันว่าพวกเขาน่าจะทำคอนเสิร์ตการกุศลเพื่อชาวเกษตรกรอเมริกากันบ้าง ซึ่งผลลัพธ์ก็ไม่เลว ได้เงินจากการจัดงานครั้งแรกไปถึง 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังจัดต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
มีเหตุการณ์ทางดนตรีหลายอย่างเกิดขึ้นในงานฟาร์มเอด อย่างเช่น การแสดงร่วมกันครั้งสุดท้ายของกันส์แอนด์โรเซสยุคคลาสสิกไลน์อัป ในฟาร์มเอดโฟร์ (ชื่อว่าครั้งที่ 4 แต่ความจริงครั้งที่ 5 เพราะฟาร์มเอดครั้งที่ 4 จริง ๆ กลายเป็นการทัวร์จำนวน 16 รอบ ในชื่อ ฟาร์มเอด 1989)
และอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่น่าจดจำในประวัติศาสตร์ร็อกเกิดขึ้นในฟาร์มเอดครั้งแรก 22 กันยายน ค.ศ. 1985 แซมมี แฮการ์ ขึ้นแสดงบนเวที และมีแขกรับเชิญเป็นมือกีตาร์ชื่อ เอ็ดดี แวน แฮเลน
ในเวลานั้น แซมมีเป็นศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จมากกับอัลบั้ม วีโอเอ (VOA) ซึ่งออกมาในปีค.ศ. 1984 เป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอาชีพการเป็นนักร้องของแซมมี ส่วน แวน แฮเลนเพิ่งแยกทางกับ เดวิด ลี ร็อธ ไปไม่นานนัก
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนแสดงสดบนเวทีร่วมกัน ในขณะนั้น แซมมียังไม่ตัดสินใจเข้าร่วมวง หรือ ทางแวนแฮเลนยังไม่ตัดสินใจว่าจะให้แซมมีเข้าร่วมวง
เมื่อเดวิดลาออกจากแวนแฮเลนทำให้ผู้เกี่ยวข้องหลายคนเป็นห่วงอนาคตของแวน แฮเลนพอสมควร ยิ่งเมื่อเดวิดเปิดตัวได้สวยงามกับ “แคลิฟอร์เนียเกิลส์” กับ “จัสต์อะจิกโกโร/ไอเอนท์ก็อตโนบอดี” ยิ่งเหมือนตอกย้ำความจริงที่ว่าเขาเป็นนักร้องนำสายเอนเตอร์เทนเมนต์ที่หาคนมาเทียบได้ยากมาก
ในเวลานั้น แซมมี เพิ่งจบการออกทัวร์ยาวนานเพราะความสำเร็จของอัลบั้มวีโอเอ โดยมีเพลงฮิตมากคือ “ไอแคนท์ไดร์ฟ 55” เมื่อเขาออกทัวร์เสร็จ เท็ด เทมเปิลแมน โปรดิวเซอร์ (ซึ่งดูแลการผลิตให้แวนแฮเลนด้วย) อยากให้เขาทำเพลงสำหรับอัลบั้มต่อไปเร็ว ๆ แต่แล้ววันหนึ่งเท็ดก็แจ้งข่าวว่าเดฟออกจากแวนแฮเลนเรียบร้อยแล้ว
ไม่นานนัก เขาก็ได้รับข้อเสนอให้ลองไปซ้อมดนตรีกับวงแวนแฮเลน เลน ด้วยเรื่องราวที่เหมือนกับว่าโชคชะตาบันดาล
ในรายการโทรทัศน์ เจ เลโน การาจ แซมมีอวดรถเฟอรารี 1982 ซึ่งเขาใช้ในมิวสิกวิดีโอ “อายแคนต์ไดร์ฟ 55” และบอกว่ามันเกี่ยวพันถึงการเข้าร่วมวงแวนแฮเลนด้วย
“ผมเพิ่งกลับบ้านจากการออกทัวร์ แล้วรถคนนั้นก็ต้องมีการเช็คสภาพครั้งใหญ่พอดี ตอนที่ผมนั่งรอตรวจเช็คสภาพรถ เอ็ดดีก็เข้ามาพร้อมกับลัมโบกีนีของเขา เขาถามว่า นั่นรถใครน่ะ พวกนั้นก็บอกว่า รถของแซมมี คุณน่าจะลองโทรหาเขาและชวนเขาเข้าวงนะ ตอนนั้นเดวิด ลี ร็อธ ออกจากวงได้วันสองวันแล้ว”
“แล้วเอ็ดดีก็ถามว่ามีเบอร์เขามั้ยล่ะ เขาไปที่สำนักงานของพวกนั้นแล้วก็โทรหาผมจากในนั้นเลย บอกผมว่า ผมกำลังมองรถของคุณอยู่ตอนนี้ ทำไมคุณไม่มาที่นี่แล้วก็ลองซ้อมกับวงหน่อยล่ะ พอผมไปซ้อมกับพวกเขาได้สัก 5 นาทีมั้ง ผมก็รู้ว่ามันไปได้สวย”
ในตอนนั้นเขายังไม่คิดไปไกลถึงขนาดจะเข้าร่วมวงแวนเฮเลน แม้แต่การเชิญเอ็ดดีไปเล่นร่วมบนเวทีฟาร์มเอดก็ไม่ใช่ความคิดของแซมมี
“เอ็ดดีกับผมนั่งอยู่ในบ้านของเขา เราอ่านหนังสือพิมพ์แล้วมันก็มีเขียนว่าเอ็ดดีจะมาเล่นกับผม ผมก็เลยพูดว่า เฮ้ย ผมไม่รู้เรื่องเลย พอถึงนาทีสุดท้ายเราก็เลยตัดสินใจว่าเอาเหอะ เล่น ๆ ไป เราไม่รู้จักเพลงของกันและกัน ก็เลยซ้อมดนตรีที่เราฟังมาตอนเด็ก ๆ”
แซมมี แฮการ์
หลังจากเขาเชิญเอ็ดดีขึ้นไปเล่นดนตรีด้วยกันในงานฟาร์มเอด เขาก็ตัดสินใจได้ว่าเล่นกับเอ็ดดีมันสนุกดี เขาควรจะเข้าวงแวนแฮเลน และนั่นคือที่มาของแวนแฮเลนในยุครุ่งเรือง มีอัลบั้มขึ้นอันดับ 1 ทุกครั้งที่ออกมา ซึ่งก็น่าแปลกใจเพราะในความโด่งดังของแวนแฮเลนยุคเดวิด ลี ร็อธ ไม่เคยทำอัลบั้มถึงอันดับ 1 สักครั้ง แม้แต่ 1984 อันโด่งดังก็ทำได้แค่อันดับ 2 เพราะมีอัลบั้ม ธริลเลอร์ ของไมเคิล แจ็กสันขวางทางอยู่
การเข้ามาของแซมมีเปลี่ยน แวน แฮเลน หลายอย่าง โดยเฉพาะเสียงร้อง เพราะถึงเดฟจะมีเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ แต่มีข้อจำกัดมากมาย เช่น ช่วงเสียงไม่ค่อยกว้าง ท่วงทำนองเสียงร้องเลยไม่ค่อยมีเมโลดี้ต่างกันมาก (และอย่าลืมว่าเดฟเข้าวงได้ในตอนแรกเพราะเขามีพีเอ ไม่ใช่เพราะเสียงร้อง) ในขณะที่แซมมีมีจุดเด่นที่เสียงร้องแข็งแรงทรงพลัง และผลลัพธ์ก็เป็นที่ประจักษ์ในผลงานแรกที่แซมมีเข้าร่วม นั่นก็คือ 5150 อันลือลั่น
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยประจำบทความ
เดวิด เกฟเฟน เจ้าของบริษัท เกฟเฟน ซึ่งเป็นต้นสังกัดของแซมมี แฮการ์ในขณะนั้น เสนอให้ โม ออสติน นายใหญ่แห่งวอร์เนอร์ ต้นสังกันแวนแฮเลน ให้เปลี่ยนชื่อวง แวน แฮเลน เป็น แวน แฮการ์ แต่สมาชิกวงยืนยันว่าจะใช้ แวน แฮเลน ต่อไป และโม ออสติน ก็คิดว่ามันคงจะไม่เวิร์กด้วย