Oasis: Supersonic
Oasis: Supersonic เรื่องราวขาขึ้นจากศูนย์สู่จุดสูงสุดทางอาชีพของวงโอเอซิส

ในเน็ตฟลิกซ์นำ โอเอซิส ซูเปอร์โซนิก มาเผยแพร่ เป็นการดูครั้งที่ 3 คือ ดูในโรงภาพยนต์ครั้งหนึ่ง ดูจากดีวีดีครั้งหนึ่ง และหนนี้ดูจากเน็ตฟลิกซ์
ความรู้สึกไม่ต่างไปจากเดิมเท่าไหร่
ได้ดู โอเอซิส: ซูเปอร์โซนิก สารคดีว่าด้วยเรื่องราวของวงโอเอซิสขณะกำลังรุ่งเรืองเฟื่องฟูถึงขีดสุด โดยมีถ้อยคำกล่อมประสาทว่าสารคดีเรื่องนี้ดีนักหนา เป็นยาชูกำลังสร้างพลังใจให้ผู้ได้ดูจะได้สู้ชีวิตสร้างโลกที่สวยงามต่อไป นี่คือวงดนตรีที่ออกอัลบั้มมา 7 อัลบั้ม ขึ้นอันดับ 1 ในบ้านเกิดทั้ง 7 อัลบั้ม!
อันนี้แอบหมั่นไส้นิดนึง เพราะมานิกสตรีตพรีเชอรส์ วงดนตรีสุดรักไม่เคยทำได้แบบนี้

Oasis: Supersonic
Directed by Mat Whitecross Produced by Asif Kapadia, James Gay-Rees Distributed by Entertainment One / Lorton Distribution Release date - 26 October 2016 Running time - 122 minutes
สารคดีความยาวสองชั่วโมง ย่อเวลาระหว่างปีค.ศ. 1993 – 1996 บอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่เป็นเพียงวงดนตรีที่เล่นในห้องซ้อมดนตรีเล็ก ๆ จนกระทั่งประสบความสำเร็จได้เล่นคอนเสิร์ตเน็บเวิร์ธต่อหน้าผู้คนนับแสน การเล่าเรื่องกระชับไม่น่าเบื่อ ดูเพลินตาเพลินหู ฟังถ้อยคำเหน็บแนม ถากถาง ยกหางตัวเองของพี่น้อง โนล – เลียม กัลลาเกอร์ ทัศนคติของร็อกสตาร์ผู้ไม่ใส่ใจความรู้สึกใคร ดูไปแล้วรู้สึกคุ้นเคยเพราะเรื่องราวในสารคดีทำให้นึกย้อนอดีตไปถึงสมัยก่อน ตอนที่เพิ่งรู้จักชื่อโอเอซิสใหม่ ๆ อย่างการทะเลาะวิวาทในเรือ โนลเอาไม้ฮ็อกกีฟาดเลียม ฯลฯ
จะว่าไป FR!DAY ! AM !N ROCK ติดตามโอเอซิสเพราะข่าวมันส์ ๆ แบบนี้มากกว่าฟังเพลงของโอเอซิส
ซูเปอร์โซนิกยังไม่ตอบคำถามคาใจอีกหลายเรื่อง พวกเขาได้รับอิทธิพลทางดนตรีจากไหน (ที่แน่ ๆ ก็ เดอะบีตเทิลส์ หรือไม่ก็ จอห์น เลนนอน) ทำไมพวกเขาถึงดัง? (อันนี้คงไม่ใช่เพราะความกวนของสองพี่น้องกัลลาเกอร์ แม้ว่าจะเป็นส่วนหนึ่ง…) เพลงของพวกเขายอดเยี่ยมตรงไหน?
ซึ่งเรื่องพวกนี้ พวกเขาก็คงบอกไม่ได้ เพราะอยู่ในศูนย์กลางของเรื่องราว จึงได้แต่คำบอกเล่ากวนประสาทคนฟังว่า เฮ้ย ตูเจ๋ง ตูเท่ ทำเพลงเก่ง เพลงงดงาม แต่ความสำเร็จของพวกเขา ควรจะมีคำอธิบายจากบุคคลภายนอก เพื่อเสริมว่าที่เจ๋ง เท่ ดูดี มันมีอะไรเป็นองค์ประกอบให้โอเอซิสดังระเบิดขนาดนั้น
เมื่อเน้นไปที่ศูนย์กลางของเรื่องราว ก็ได้เห็นแต่นิสัยและความปากดีตลอดสองชั่วโมงเต็ม เรื่องราวเด่น ๆ กลายเป็นเรื่องกอสซิปประเภทที่ขึ้นหน้าแท็บลอยด์มาแล้วในอดีต บางเรื่องก็รู้สึกว่าพวกนี้ไม่รู้กาลเทศะ (อย่างตอนขึ้นรับรางวัลยังปากกล้า ถามว่าทำไมให้วงรุ่นเก่ามามอบรางวัลให้รุ่นใหม่ (อันนี้ถึงกับต้องกมาค้นกูเกิลว่าตอนนั้นพูดอย่างไร กลัวจำผิด) เล่นเอา ไมเคิล ฮัตเชนซ์ เหวอรับประทานทำอะไรไม่ถูก บางเรื่องก็จำได้ว่ามีอะไรมากกว่านั้น เช่นตอนไล่ โทนี (มือกลอง) ออกจากวง ในสารคดีเหมือนจะเน้นเรื่องความไร้สมรรถภาพของโทนี แต่จำได้ว่าตอนนั้นมีข่าวโทนีทะเลาะกับเลียมถึงขั้นลงไม้ลงมือกันที่ปารีส ก่อนจะโดนไล่ออกแค่วันสองวัน หรือจำผิดก็ไม่รู้
แล้วกรณีที่โนลโดนฟ้องข้อหาขโมยเพลงคนอื่นมาดัดแปลงเป็น “ว็อตเอเวอร์” กับ “เชกเกอร์เมกเกอร์” ซึ่งจริง ๆ ควรเป็นประเด็น เพราะเรื่องพวกนี้ทำให้อัจฉริยะภาพของโนลมัวหมอง แต่โดยส่วนตัวก็ไม่ได้คิดว่าการลอก / ได้แรงบันดาลใจ จะทำให้รักโอเอซิสลดลง ว่ากันตามตรงวงโปรดอย่างเลดเซพพลินทำไว้หนักกว่านี้มาก แค่อยากจะรู้ว่าคนปากกล้าหลงตัวเองจะมีถ้อยคำแหลมคมสมสติปัญญาตอบกลับมาอย่างไร แต่ไม่มีการพาดพิงถึง ก็เลยไม่ได้ฟังคำตอบ ตรงนี้น่าเสียดาย
และไม่มีพาดพิงเดมอนและวงเบลอร์…
เชื่อว่าซูเปอร์โซนิกคงเป็นแรงบันดาลใจสร้างไฟให้หลายคน แต่ไม่ใช่กับทุกคน
อาจจะต้องออกตัวก่อนว่า ถึงแม้จะฟังโอเอซิสตั้งแต่ชุดแรกถึงชุดสุดท้าย ติดตามมาถึงงานที่โนลมีส่วนร่วม แต่โอเอซิสไม่เคยเป็นแรงบันดาลใจให้ทำอะไรเลยสักอย่าง ไม่เหมือนฟังเ ดอะบีตเทิลส์ หรือ จอห์น เลนนอน แล้วอยากเขียนเพลงแบบนั้น อยากเล่นกีตาร์เท่ ๆ แบบ สตีฟ วาย หรือ เอ็ดดี แวน แฮเลน อยากทำตัวหม่น ๆ แบบ ริชี เจมส์ เอ็ดเวิร์ดส์ (ผู้ซึ่งตอนมาเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองไทย เขาเดินไปนั่งบนชักโครก ขณะที่เพื่อนร่วมวงเดอะมานิกซ์ให้สัมภาษณ์) อยากเขียนเนื้อเพลงที่อ่านไม่เข้าใจแต่รู้สึกว่าทำไม โบโน เขียนเพลงสวยแบบนี้ อยากทำผมทรงนกระจอกแล้วร้องเพลงบ่น ๆ แบบ โรเบิร์ต สมิธ (ผ่านมาสามสิบกว่าปี อย่างน้อยก็ภูมิใจได้ว่าตอนนี้อ้วนย้วยน่ารักเหมือนโรเบิร์ตเว้ย)
แต่อย่างน้อยก็ไม่เสียดายเงินค่าตั๋วภาพยนตร์ ความสนุกสนานรื่นเริงบันเทิงใจมีครบอย่างที่คิดไว้