Two Minutes to Midnight
“อีกสองนาทีจะเที่ยงคืน” – Two Minutes to Midnight – เพลงเด่นอีกหนึ่งเพลงจากอัลบั้มเพาเวอร์สเลฟ – (Powerslave) ของ ไอเอินเมเดน (Iron Maiden)
ทำไมต้องสองนาที? และเที่ยงคืนแล้วจะเป็นอย่างไร? เอ็ดดี้จะปรากฏกาย?
ความหมายของอีกสองนาทีจะเที่ยงคืน
อีก 2 นาทีจะถึงเที่ยงคืน สื่อถึงนาฬิกาวันสิ้นโลกหรือ Doomsday Clock ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่คณะกรรมการนักวิทยาศาสตร์ด้านอะตอมิก (The Bulletin of the Atomic Scientists) ในมหาวิทยาลัยแห่งชิคาโก้คิดขึ้นเพื่อเปรียบเทียบความน่าจะเป็นที่จะเกิดสงครามปรมาณูจนถึงขั้นสิ้นโลก…ถ้าเข็มนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนเมื่อใด หมายถึงวันโลกาวินาศ
โปรดนึกถึงฉากวันพิพากษาในภาพยนตร์คนเหล็ก (Terminator)
นาฬิกาวันสิ้นโลกเผยแพร่ครั้งแรกในปีค.ศ. 1947 ท่ามกลางภาวะสงครามและระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลก โดยที่ตั้งเวลาไว้ที่อีก 7 นาทีจะถึงเที่ยงคืน โดยภายในหนังสือข่าวฉบับนี้มีบทความอธิบายไว้ว่าแนวคิดการตั้งเวลามีอะไรบ้าง
เวลาที่นาฬิกาออกห่างช่วงเที่ยงคืนมากที่สุดอยู่ที่ 17 นาที ในปีค.ศ. 1991 เมื่ออเมริกากับสหภาพโซเวียตได้ตกลงทำสนธิสัญญาลดอาวุธ รวมถึงการเริ่มต้นล่มสลายของสหภาพโซเวียตที่แยกไปเป็นสาธารณรัฐอิสระ 15 ประเทศ ถือเป็นปีที่สงครามเย็นที่ยืนยาวมาตั้งแต่ทศวรรษ 40 ได้จบสิ้นลงในปีนั้น
เวลาที่นาฬิกาอยู่ใกล้เที่ยงคืนมากที่สุดคือ หนึ่งนาที่ครึ่ง หรือ 90 วินาที เป็นปี ค.ศ. 2023 ขณะที่เขียนอยู่นี่เอง
ส่วนเวลา 2 นาทีก่อนจะถึงเที่ยงคืน ตามที่ปรากฏในเพลงของไอเอินเมเดน มาจากเหตุการณ์ปี ค.ศ. 1953 เมื่ออเมริกากับสหภาพโซเวียตทดลองอาวุธปรมาณูถี่มากและมีการประทบกระทั่งกันประปราย แต่หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็คลี่คลายไปด้วยดีทำให้มีการปรับเวลากลับไปที่อีก 5 นาทีเที่ยงคืน
และนั่นคือ “2 minutes to midnight” – อีก 2 นาทีจะเที่ยงคืน
ตั้งแต่ปีค.ศ. 2007 เป็นต้นมา ทางคณะกรรมการนักวิทยาศาสตร์ด้านอะตอมิกได้ปรับเปลี่ยนขยายการปรับเวลาโดยไม่ได้ยึดถือเพียงความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามปรมาณูอย่างเดิม แต่ให้รวมเอาความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติที่จะเกิดต่อสภาวะแวดล้อมด้วย และตั้งแต่ปีค.ศ. 2015 เป็นต้นมา เวลาก็ดูจะวนเวียนอยู่ระหว่าง 3 นาที และกลับมาสู่ 2 นาทีอีกครั้งในปีค.ศ. 2018 ก่อนจะลดเหลือ 100 วินาทีในปีค.ศ. 2020 และ ปีนี้ (2023) เหลือเพียง 90 วินาที โดยใจความใหญ่มาจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนและวิกฤติสภาวะแวดล้อมโลก
เพลง Two Minutes to Midnight
เอเดรียน สมิธ และ บรูช ดิกคินสัน ประพันธ์เพลงนี้ร่วมกันและเป็นซิงเกิลขึ้นไปถึงอันดับที่ 11 ในอันดับซิงเกิลของประเทศอังกฤษ
Kill for gain, shoot to maim We don't need a reason The Golden Goose is on the loose Never out of season Blackened pride burns inside Shell of bloody treason Here's my gun for a barrel of fun For the love of living death The killer's breed or the demon's seed The glamor, the fortune, the pain Go to war again, blood is freedom's stain Don't you pray for my soul anymore 2 Minutes to midnight The hands that threaten doom 2 minutes to midnight To kill the unborn in the womb The blind men shout, Let the creatures out? Let's show the unbelievers The napalm screams of human flames Of a prime time Belsen feast As the reasons for the carnage Cut their meat and lick the gravy We oil the jaws of the war machines And feed them with our babies The killer's breed or the demon's seed The glamor, the fortune, the pain Go to war again, blood is freedom's stain Don't you pray for my soul anymore 2 minutes to midnight The hands that threaten doom 2 minutes to midnight To kill the unborn in the womb Body bags and little rags Of children torn in two The jellied brains of those who remain Put the finger right on you As the madmen play on words And make us all dance to their song To the tune of starving millions To make a better kind of gun The killer's breed or the demon's seed The glamor, the fortune, the pain Go to war again, blood is freedom's stain Don't you pray for my soul anymore 2 minutes to midnight The hands that threaten doom 2 minutes to midnight To kill the unborn in the womb Midnight, all night Midnight is all night Midnight, all night Midnight is all night Midnight, all night
แต่ความน่าสนใจของซิงเกิ้ลแผ่นนี้กลับไปอยู่ที่เพลงหน้าบีที่ชื่อ “มิสชันฟรอม อารี” – Mission from ‘Arry – ซึ่งไม่อาจจะเรียกว่าเพลงได้เต็มปาก เพราะเป็นการทะเลาะวิวาทระหว่าง สตีฟ แฮร์ริส มือเบส กับ นิกโก แม็คเบรน มือกลองของวงหลังการแสดงที่อัลเลนทาวน์, เพนซิลวาเนียจบลง
โดยในระหว่างการแสดงครั้งนั้นเกิดความผิดพลาดทางเทคนิคกับเบสของ สตีฟ แฮร์ริส ทำให้เขาบอกคนที่อยู่ใกล้ ๆ ให้บอกนิกโกให้โซโล่กลองนานกว่าปกติหน่อย จะได้แก้ไขเบส แต่แทนที่คนที่รับฟังจากสตีฟจะไปบอกนิกโกดี ๆ กลับตะโกนโหวกเหวกจนทำให้นิกโกตีกลองผิด ทำให้นิกโกโมโหมาก
ความจริงนิกโกกับสตีฟเริ่มสงบไปแล้ว แต่บรูซ ดิกคินสันเกิดอยากจะแหย่เล่นเลยยุให้ทะเลาะกันอีกรอบแล้วบันทึกเสียงเอาไว้ ซึ่งจบลงด้วยเสียงตะโกนของแฮร์ริสว่า “Some cunt’s recording this”
One thought on “Two Minutes to Midnight ”