Watching The Wheels

“Watching The Wheels” เป็นซิงเกิลสุดท้ายที่ปล่อยจากอัลบั้ม  Double Fantasy และเป็นซิงเกิลแรกที่วางจำหน่ายหลังจากที่ จอห์น เลนนอน (John Lennon) โดนฆาตกรรม เนื้อหาโดยรวมเกี่ยวกับการใช้ชีวิตหลังจากออกจากวงการดนตรีมาใช้ชีวิตเป็นพ่อบ้านหลายปี

ตอนที่นั่งดื่มกาแฟในร้านกาแฟแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นั่งเหม่อมองไปนอกร้าน เห็นสิ่งนั้นสิ่งนี้เคลื่อนไหวผ่านไปผ่านมา ในเวลานั้นก็นึกถึงเพลง “Watching The Wheels” ของจอห์น เลนนอนขึ้นมาในหัว

เพลงนี้ จอห์นเคยอธิบายไว้ก่อนเสียชีวิตว่า เป็นคำตอบคำถามที่ว่า เขาหายไปทำอะไร ก็นั่งมองล้อรถหมุนผ่านไปมานี่ไง

ก็เลยคิดตัวเอง ชีวิตตอนนี้ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพียงแต่ใช้ชีวิตตามลำพังในเมืองใหญ่ไม่ได้ทำงานทำการอะไร วันวันก็นั่งมองนู่นนี่ผ่านไปมา

จอห์น เลนนอน เป็นหนึ่งในคนที่นำเรื่องส่วนตัวมาเขียนเป็นเพลงตั้งแต่สมัยทำวงเดอะบีตเทิลส์ และยังเคลื่อนไหวทางการเมืองและสังคมอย่างเปิดเผย แสดงความคิดเห็นของตัวเองตรงไปตรงมา โดยเฉพาะเมื่อมี โยโกะ โอโนะ (Yoko Ono) อยู่ข้างกาย จนในช่วงเวลาหนึ่งรัฐบาล ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) พยายามเนรเทศทั้งคู่ไปให้พ้นขอบเขตสหรัฐอเมริกา และจอห์น เลนนอน ตอบโต้ด้วยการประกาศว่าได้ประกาศจัดตั้งประเทศนูโทเปียเรียบร้อยแล้ว และเขาเป็นทูตของประเทศนูโทเปียจึงได้รับการคุ้มครองทางการทูต

อาจจะดูเป็นการตอบโต้ที่ไร้สาระ แต่เบื้องหลังแนวคิดนี้ยังคงคอนเซ็ปต์ตามแบบแผนของจอห์นชัดเจน

แต่เมื่อโยโกะท้อง จอห์นก็เริ่มคิดเรื่องการออกห่างวงการดนตรีและกิจกรรมต่าง ๆ

John Lennon & Yoko Ono

มีเหตุผลหลายประการ ผมอยู่ภายใต้ข้อผูกมัดหรือสัญญาตั้งแต่อายุ 22 ปีจนเข้าสู่วัย 30 ปี หลังจากผ่านไปหลายปี มันคือทั้งหมดที่ผมรู้จัก ผมไม่ว่าง ผมถูกจำกัดวางกรอบ สัญญาของผมคือเครื่องแสดงการใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในคุก การเผชิญหน้ากับตัวเองและเผชิญกับความจริงนั้นสำคัญกว่าการดำเนินชีวิตแบบร็อกแอนด์โรลต่อไป… คุณจะรุ่งหรือจะร่วงก็ขึ้นอยู่กับการแสดงของคุณ  หรือตามความคิดเห็นของสาธารณชนที่มีต่อคุณ ร็อกแอนด์โรลไม่ใช่เรื่องสนุกอีกต่อไป ผมเลือกที่จะไม่ใช้ตัวเลือกมาตรฐานในธุรกิจนี้…ไปเวกัสและร้องเพลงฮิตของคุณถ้าคุณโชคดี หรือไม่ก็ลงนรก ซึ่งเป็นที่ที่เอลวิสไป

จอห์น เลนนอน ให้สัมภาษณ์นิตยสารเพลย์บอย ก่อนเสียชีวิตไม่นาน

ช่วง 4 – 5 ปีที่เขาหายตัวไปจากการรับรู้ของสาธารณชน และแน่นอน ในฐานะอดีตหนึ่งในสี่เต่าทองผู้ยิ่งใหญ่ ย่อมมีคนไถ่ถามตามสมควรว่าเขาทำอะไรอยุ่ “Watching The Wheels” จึงเป็นเสมือนคำตอบทั้งหมายเหล่านั้น  

เลนนอนเริ่มเขียนเพลงนี้ในปีค.ศ. 1977  แต่มีการเปลี่ยนแปลงจากนั้นอีกหลายครั้ง เดิมเขาตั้งชื่อว่า “Emotional Wreck” ปีถัดมาเขาเปลี่ยนชื่อเพลงเป็น “People” และในปีค.ศ. 1979 เพลงนี้ใช้ชื่อว่า “I’m Crazy” ซึ่งมีทุกอย่างเกือบจะเหมือนกับเวอร์ชันสุดท้ายในอัลบั้มของเขาในชื่อ “Watching The Wheels” 

Wheel – ล้อ เป็นทั้งล้อที่หมายความตามตัวอักษร ล้อรถยนต์ที่เขามองเห็นจากตึกดาโกต้า แต่ขณะเดียวกันก็เป็นแนวคิด วงล้อฟันเฟืองหมุนในเครื่องจักร “ดูวงล้อเหรอ? จักรวาลทั้งหมดเป็นวงล้อใช่ไหม? ล้อหมุนไปรอบ ๆ ส่วนใหญ่เป็นวงล้อของผมเอง แต่คุณรู้ไหม การดูตัวเองก็เหมือนกับการดูคนอื่น และผมก็มองดูตัวเองผ่านลูกของผมด้วย”

มิวสิกวิดีโอ “Watching the Wheels”

Personnel

  • John Lennon: vocals, keyboards
  • Earl Slick, Hugh McCracken: electric guitar
  • Tony Levin: bass guitar
  • George Small: keyboards
  • Michelle Simpson, Cassandra Wooten, Cheryl Mason Jacks, Eric Troyer: backing vocals
  • Andy Newmark: drums
  • Matthew Cunningham: hammer dulcimer
  • Arthur Jenkins: percussion

Lyrics

People say I'm crazy
Doin' what I'm doin'
Well, they give me all kinds of warnings
To save me from ruin
When I say that I'm okay
Well, they look at me kinda strange
"Surely you're not happy now?
You no longer play the game"

People say I'm lazy
Dreamin' my life away
Well, they give me all kinds of advice
Designed to enlighten me
When I tell 'em that I'm doin' fine
Watchin' shadows on the wall
"Don't you miss the big time, boy?
You're no longer on the ball"

I'm just sittin' here watchin' the wheels go 'round and 'round
I really love to watch them roll
No longer ridin' on the merry-go-round
I just had to let it go

Ah, people askin' questions
Lost in confusion
Well, I tell them there's no problem
Only solutions
Well, they shake their heads and they look at me
As if I've lost my mind
I tell them, "There's no hurry
I'm just sittin' here doing time"

I'm just sittin' here watchin' the wheels go 'round and 'round
I really love to watch them roll
No longer ridin' on the merry-go-round
I just had to let it go

Leave a Reply

Scroll to top
%d bloggers like this: