Manic Street Preachers: The Early Years
“เราจะทำอัลบั้มแค่ชุดเดียวซึ่งจะทำยอดขายได้มากกว่า Appetite for Destruction เราจะไปทัวร์รอบโลก และเปิดคอนเสิร์ตที่เวมบลี่ย์สามคืน แล้วจากนั้นเราจะยุบวง”
เจมส์ ดีน แบร็ดฟิลด์
เป็นคำพูดที่ยิ่งใหญ่? อหังการ? โง่เง่า?
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม Manic Street Preachers (หรือเรียกย่อๆ ว่า The Manics) ก็ได้ประกาศไว้อย่างนั้นเมื่อปี ค.ศ. 1991 สมัยที่ออกอัลบั้มแรก Generation Terrorists แต่ว่าว่าผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่พวกเขาประกาศไว้ เพราะอัลบั้มแรกของพวกเขาทำยอดขายได้น้อยกว่า Appitite for Destruction ของ Guns N’ Roses หลายเท่า และพวกเขาก็ไม่ได้ยุบวงไปหลังจากที่อัลบั้มนี้ออกมา
แฟนเพลงคงดีใจ….
ขอถือโอกาสแนะนำให้ท่านได้รู้จักกับวงดนตรีที่ชื่อ Manic Street Preachers แบบย่นย่อ

Manic Street Preachers เริ่มก่อตั้งวงเมื่อปีค.ศ. 1986 ในเมืองแบล็กวู้ด, เวลส์ โดยเพื่อนร่วมโรงเรียนสี่คนคือ เจมส์ ดีน แบร็ดฟิลด์ (กีตาร์, ร้องนำ) ฌอน มัวร์ (กลอง) นิกกี ไวเออร์ (กีตาร์) และฟลิกเกอร์ (เบส)
เดิมที สี่หนุ่มจากเวลช์ ใช้ชื่อวงว่า Betty Blue ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น Manic Street Preachers พวกเขาเป็นวงแนวพังก์สุดขั้วที่ยึดวง The Clash เป็นต้นแบบ แต่ไป ๆ มา ๆ แนวทางดนตรีของพวกเขาก็เริ่มหนีห่างจากดนตรีพังก์ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง ฟลิกเกอร์ทนไม่ไหวลาออกไปในปีค.ศ. 1988 เพราะต้องการเน้นดนตรีพังก์มากกว่า ทำให้ นิกกี ไวเออร์ มือกีตาร์ต้องหันมาเล่นเบสแทน
สมัยนั้นการทำเพลงจะให้ นิกกี ไวเออร์ เป็นคนเขียนเนื้อเพลงเพียงคนเดียว เจมส์ กับ ฌอน จะทำดนตรี แต่ว่าเพื่อนของนิกกีคนหนึ่งที่คบกันมาตั้งแต่เด็กคือ ริชชี เจมส์ เอ็ดเวิร์ด แสดงทีท่าสนใจในวง The Manics แต่ไม่อยากจะเล่นดนตรีเพราะเล่นดนตรีไม่เป็น เลยอาสาเป็นผู้จัดการวงและรับหน้าที่อื่นทั่วไป ตั้งแต่ขับรถพาวงไปเล่นตามสถานที่ต่าง ๆ ออกแบบงานอาร์ตเวิร์ก ทั้งโปสเตอร์ที่ใช้โฆษณาและทำหน้าปกซิงเกิล

ผลงานยุคแรกของริชชี ก็คือ หน้าปกซิงเกิ้ลแรก “Suicide Alley” ออกมาจากมันสมองและฝีมือถ่ายภาพของริชชี เจมส์ เอ็ดเวิร์ด (ตอนออกซิงเกิ้ลแรกนั้น The Manics ยังเป็นวงสามชิ้นอยู่) แต่เมื่อลองขึ้นไปแจมบนเวทีกับวงบ่อยเข้า ในที่สุดเขาก็เข้ามาเป็นสมาชิกของวงเต็มตัว และในไม่ช้า ริชชี่เจมส์ ก็โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ของ The Manics ในเวลาต่อมา
จุดเด่นของ The Manics ที่หาคนเลียนแบบได้ยากคือเนื้อหาของเพลงจากการเขียนของนิกกี ไวเออร์ กับ ริชชี เจมส์ เอ็ดเวิร์ด ซึ่งคนที่จะเข้าใจเนื้อหาของเขาทั้งคู่ก็ต้องเข้าใจแนวคิดทางการเมือง ประวัติศาสตร์ ปรัชญา รวมถึงบรรดาชื่อเฉพาะทั้งหลายแหล่ที่เขาใช้ในเพลง ผนวกด้วยธีมที่เกี่ยวกับความเงียบเหงา ความแปลกแยก และความหม่นมืดของวัยเยาว์ โดยเฉพาะ “Motorcycle Emptiness” จากอัลบั้มแรกที่กลายเป็นเพลงฮิตในเวลาต่อมา
และต้องบอกว่า รู้จัก The Manics จากเพลงนี้ ที่คุณ วาสนา วีระชาติพลีเปิดในรายการวิทยุ จนกลายเป็นแฟนเพลงของวงมาถึงทุกวันนี้
The Manics มักจะคิดว่าคนฟังตามทันความคิดของเขาเสมอ เขาจึงเขียนเพลงแบบไม่ดูถูกคนฟัง และแทรกชื่อเฉพาะต่าง ๆ เข้าไปในบทเพลงของพวกเขาเสมอ ตั้งแต่ชื่อที่คนรู้จักกันดีอย่าง มาดอนนา หรือชื่อจากประวัติศาสตร์ เช่น Luke Sermon Six’ และมักจะแทรกอารมณ์ขันเฉพาะตัวเข้าไปในงานเพลงเสมอ แต่จะไม่ใช่อารมณ์ขันแบบที่ได้ยินแล้วหัวเราะกร๊ากออกมา มันแค่เรียกรอยยิ้มจางๆ เท่านั้น อย่างเช่น เพลง “You Love Alone Not Enough” พวกเขาก็ไปเอาเนื้อเพลงจาก “You Stole the Sun from My Heart” มาใส่ ซึ่งก็ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะท่อนคอรัสเพลง “Little Baby Nothing” ในอัลบั้มแรกก็เอามาจากเพลง“Suicide Alley” ของพวกเขาเองมาใส่
เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1991 ระหว่างที่ ริชชี เจมส์ เอ็ดเวิร์ด ให้สัมภาษณ์นิตยสาร NME เกิดคำถามทำนองว่า The Manics เป็นพังก์ของจริงหรือ? ทำให้เขาเกิดอาการติสต์ขึ้นสมอง คว้ามีดโกนมากรีดคำว่า 4 REAL ตัวเป้งที่ท่อนแขนซ้าย และภาพนั้นกลายเป็นภาพโปรดของแฟนเพลง The Manics ไปในบัดดล
และนั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำร้ายตัวเอง ครั้งหนึ่งในการถ่ายรูป เขาก็เคยกรีดตัวเองเป็นคำว่า VIH ที่หน้าอกมาแล้ว (จริงๆ แล้วเขาจะกรีดเป็น HIV แต่ว่าตอนกรีดใช้กระจกส่องเลยกลับด้านคนละทาง)
“ผมไม่คิดว่าจะมีคู่ไหนที่นั่งลงเขียนเนื้อเพลงได้เหมือนที่เราทำ ผมยังจำได้ถึงตอนที่อยู่ในห้องนอนของผมสมัยที่ยังอยู่บ้านพ่อกับแม่ แล้วเขียนเนื้อเพลง “Motorcycle Emptiness” กันบรรทัดต่อบรรทัดด้วยกัน” นิกกี ไวเออร์
หลังจากอัลบั้ม Generation Terrorists แล้วพวกเขาก็ทำ Gold Against the Soul กันต่อ ซึ่งดนตรีออกมาเนี้ยบและดูหันเข้ามาเมนสตรีมมากกว่าเดิมจนเห็นได้ชัด พอเข้ามาถึง The Holy Bible ที่เคร่งเครียดมากขึ้นและสะท้อนสภาวะทางอารมณ์ของ ริชชี เจมส์ เอ็ดเวิร์ด ออกมามากเป็นพิเศษ
และในวันที่ 1กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1995 ริชชี เจมส์ เอ็ดเวิร์ด ก็หายตัวไปจากโรงแรมที่พำนัก และไม่มีใครพบตัวอีกเลยนับจนถึงวันนี้ คนในครอบครัวยังมีความหวังว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ แม้ในปีค.ศ. 2002 ซึ่งตามกฎหมายแล้วทางครอบครัวสามารถยื่นเรื่องให้ประกาศว่าเขาเสียชีวิตได้แล้ว แต่ทางครอบครัวก็ยังไม่ยื่นเรื่องนี้ ปล่อยให้เขาเป็นเพียงบุคคลสาบสูญ และทางวง The Manics ยังคงโอนเงินค่าลิขสิทธิ์เพลงในส่วนของเขาเข้าบัญชีส่วนตัวของเขาอยู่ตลอด
จนกระทั่ง เดือนพฤศจิกายน ปีค.ศ. 2008 ศาลจึงมีคำสั่งประกาศอย่างเป็นทางการว่า “เชื่อได้ว่าเสียชีวิต”
Manic Street Preachers Discography
- Generation Terrorists (1992)
- Gold Against the Soul (1993)
- The Holy Bible (1994)
- Everything Must Go (1996)
- This Is My Truth Tell Me Yours (1998)
- Know Your Enemy (2001)
- Lifeblood (2004)
- Send Away the Tigers (2007)
- Journal for Plague Lovers (2009)
- Postcards from a Young Man (2010)
- Rewind the Film (2013)
- Futurology (2014)
- Resistance Is Futile (2018)
- The Ultra Vivid Lament (2021)
One thought on “Manic Street Preachers: The Early Years”