Adrian Vandenberg

เอเดรียน แวนเดนเบิร์ก (Adrian Vandenberg) มือกีตาร์ชาวดัตช์ผู้โด่งดังจากการร่วมวงไวต์สเน็ก (Whitesnake) แต่ความจริงเขาเคยทำวงของตัวเองในชื่อ แวนเดนเบิร์ก (Vandenberg) ออกผลงานมาแล้ว 3 อัลบั้มก่อนที่จะเข้าร่วมวงไวต์สเน็ก และมีเพลงที่พอจะฮิตอยู่บ้างก็คือ “เบิร์นนิง ฮาร์ต” (Burning Heart)

สำหรับบางคนมีทั้งฝีมือและโอกาส แต่กลับไปไม่ได้ไกลเพราะโชคชะตาเล่นตลก อย่างเช่น เอเดรียน แวนเดนเบิร์ก มือกีตาร์จากเนเธอร์แลนด์ผู้นี้เป็นต้นเอเดรียน แวนเดนเบิร์ก หรือ Adje Van den Berg ในภาษาดัทช์ดั้งเดิม เป็นมือกีตาร์ที่โด่งดังช่วงทศวรรษ 80 โดยเฉพาะช่วงที่เขาเป็นมือกีตาร์ให้ไวต์สเน็ก

ตอนเด็ก ๆ เอเดรียนหัดเล่นเปียโน จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาก็ได้ฟังเพลงของ จิมี เฮนดริกซ์ จากทางวิทยุ ทำให้เขาหันมาสนใจกีตาร์แทน และวันหนึ่งเขาก็ตั้งวงดนตรีชื่อ มาเธอร์ออฟเพิร์ล ( Mother Of Pearl) เล่นเพลงของวงดังในสมัยนั้นเช่น ดีพเพอเพิล เลดเซพพลิน และตั้งวงชื่อ ทีเซอร์ (Teaser) ตอนอายุ 18 ปีโดยเขียนเพลงของตัวเองยึดแนวทางของวง ฟรี / แบดคัมปะนี เป็นแบบอย่าง

มีเรื่องเล่าว่า ด้วยความที่นักร้องนำของวงมีรูปร่างหน้าตาละม้ายคล้าย พอล ร็อดเจอร์ นักร้องนำของฟรีและแบดคัมปะนี ทำให้ตอนที่พวกเขาไปทัวร์ในค่ายทหารอังกฤษในเยอรมัน มีคนจัดงานแอบอ้างว่าพวกเขาคือ แบดคัมปะนี

วงทีเซอร์ออกอัลบั้มมา 1 ชุดในปีค.ศ. 1978 มีการเปลี่ยนสมาชิกวงไปบ้างและยุบวงในที่สุด (สมาชิกวงคือ Jos Veldhuizen -ร้องนำ, Griff “Studly” McGrath – เบส, และ Bico De Gooijer ตีกลอง) ในช่วงเวลานั้น เอเดรียนได้ส่งเดโมเทปไปยังบริษัทหลายแห่งและสะดุดหู ฟิล คาร์สัน ผู้บริหารแอตแลนติกในอังกฤษ ถึงขนาดมาดูพวกเขาเล่นจริงในเนเธอร์แลนด์ ทำให้เอเดรียนเช่าโรงหนังเพื่อเล่นดนตรีให้ฟิลดูโดยเฉพาะ

Vandenberg
Vandenberg

แต่เนื่องจากวันนั้นมีพายุหิมะพอดี ฟิลจึงไม่ได้มาตามเวลานัด น่าจะทำให้พวกเขากังวลใจว่าจะโดนเทไม่น้อยเหมือนกัน แต่หลังจากผ่านไปสามชั่วโมงเศษ ฟิลก็มาถึงโรงหนัง และบอกให้เขาบรรเลงดนตรีให้ดูเอเดรียนเปลี่ยนชื่อวงเป็น Vandenberg และ และเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น เอเดรียน แวนเดนเบิร์ก เพื่อให้จำง่ายขึ้นสำหรับตลาดโลกที่ไม่คุ้นกับชื่อภาษาดัทช์

วงแวนเดนเบิร์กได้เซ็นสัญญาบริษัทแอทโคในปีค.ศ. 1981 และปล่อยงานชุดแรกในปีถัดมา โดยในงานนี้ เอเดรียน แวนเดนเบิร์ก รับหน้าที่เขียนเพลง เขายังออกแบบปก โลโก้ และอาร์ตเวิร์คทุกอย่างเอง (เขาจบทางด้านศิลป์โดยตรง และเคยทำงานเป็นกราฟิกดีไซเนอร์มาก่อนเล่นดนตรีเป็นอาชีพ)

เอเดรียนแสดงศักยภาพด้านการเขียนทำเพลงได้เยี่ยมยอดผสมผสานสำเนียงฮาร์ดร็อกกับสำเนียงบลูส์ (มีบางท่อนริฟฟ์ทำให้นึกถึงจิมมี เพจจากเลดเซพพริน แต่ส่วนใหญ่แล้วน่าจะเป็นอิทธิพลของแบดคัมปะนีไม่น้อย) มีท่วงทำนองอันสวยงามตามประสาวงร็อกจากยุโรป งานชุดนี้มีเพลงฮิต “เบิร์นนิงฮาร์ต” ที่สร้างชื่อให้เขามากที่สุด

Burning Heart

เกร็ด: กันยายน 1982 วงธินลิซซี (Thin Lizzy) เสนอให้เขาเป็นมือกีตาร์ และไปซ้อมถึงเนเธอร์แลนด์กับเขาถึง 2 สัปดาห์ แต่เมื่อเขาพบว่าสมาชิกหลายคนในวงยุ่งเกี่ยวกับสุรายาเสพติดเลยตัดสินใจไม่ร่วมงานด้วย (แต่ในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง เอเดรียนบอกว่า จังหวะมันไม่เหมาะสมเพราะเขาต้องการเรียนให้จบวิทยาลัยก่อน)

และ ปลายปี 1983 เอเดรียน แวนเดนเบิร์กปฏิเสธเข้าร่วมวงไวต์สเน็ก ตามคำเชิญของเดวิด ด้วยเหตุผลว่าในตอนนั้นเขามั่นใจว่าวงของเขาน่าจะไปได้สวย คนที่เข้าวงแทนก็คือ จอห์น ไซค์

โลกช่างคับแคบจนแทนเดินชนกันตาย!

เกร็ด: วันที่ 9 เมษายน 1983 เมทัลลิกาเป็นวงเปิดให้กับ เดอะร็อดส์ และ แวนเดนเบิร์ก ที่คลับลามูร์ในบรูกลิน, นิวยอร์ก และขณะที่ แวนเดนเบิร์กกำลังเช็คเสียงอยู่ เดฟ มัสเทน มือกีตาร์ของวง เมทัลลิกาตะโกนใส่แวนเดนเบิร์กให้ลงจากเวที เพราะเล่นห่วยแตกแต่หลังจากนั้นสองวัน เดฟก็โดนไล่ออกจากเมทัลลิกา

เอเดรียน แวนเดนเบิร์ก เล่าภายหลังว่า เขาจำที่เดฟพูดไม่ได้หรอก อันที่จริงไม่ได้ยินด้วยซ้ำเพราะเสียงที่เขาเล่นมันดังกลบไปหมด แต่เขาจำได้ว่าเพื่อนร่วมวงเมทัลลิกามาลากเดฟออกไป

งานถัดมา เฮดดิงฟอร์อะสตอร์ม (Heading for a Storm) กลับหันเข้าหาดนตรีป็อปเมทัลมากขึ้น แทนที่จะรักษาเอกลักษณ์อันงดงามจากอัลบั้มแรกไว้ อาจจะเป็นเพราะต้องการให้วงประสบความสำเร็จด้านการตลาดมากขึ้น แต่ผลกลับออกมาตรงกันข้าม แต่ก็ยังมีเพลงฮิตคือ “ดิฟเฟอร์เรนต์เวิลด์” (Different Worlds) ยิ่งในอัลบั้ม อลิไบ (Alibi) แทบไม่เหลือเค้าลางฮาร์ดร็อก บางเพลง เช่น “ฮาวลอง” แทบจะกลายเป็นเพลงเอโออาร์ไปแล้ว

และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจยุบวง หลังจากที่ทำอัลบั้มได้ 3 ชุด

ในเวลานั้น เอเดรียนคิดว่าปัญหาอยู่ที่ เบิร์ต นักร้องนำ ซึ่งเขาคิดว่าบุคลิกไม่น่าสนใจสำหรับเวทีใหญ่ ดึงดูดคนไม่ได้ และมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมหลายอย่าง

เดวิด คัฟเวอร์เดลสนใจเอเดรียนตั้งแต่สมัยที่เขากำลังมองหานักดนตรีมาร่วมวงทำอัลบั้ม สไลด์อิทอิน (Slide It In) เมื่อปีค.ศ. 1983 แต่ในตอนนั้นอัลบั้มแรกของแวนเดนเบิร์กกำลังไปได้สวย เอเดรียนจึงปฏิเสธข้อเสนอของเดวิด

ปีค.ศ. 1986 จอห์น คาลอดเนอร์ ซึ่งในเวลานั้นทำงานกับเกฟเฟน เจรจากับแวนเดนเบิร์กซึ่งหมดสัญญากับแอตแลนติก แต่เมื่อเอเดรียนไปเจรจารายละเอียดกับจอห์นถึงในลอสแอนเจลิส จอห์นกับเสนอให้เอเดรียนเข้าร่วมวงไวต์สเน็ก แทนที่จะเป็นทำวงแวนเดนเบิร์กใหม่

และในระหว่างที่เอเดรียนยังไม่ตัดสินใจ เขาก็รับคำเชิญไปเล่นโซโลกีตาร์ในเพลง “เฮียร์ไอโกอะเกน” (Here I go Again) ในอัลบั้ม Whitesnake (1987)

เกร็ด:  ในตอนที่เอเดรียนกำลังบันทึกเสียงท่อนโซโลกีตาร์ โดยมี เดวิดกับ คีธ โอลเซน (ดูแลการผลิต) เขาได้เห็น จอห์น ไซค์ มีปากเสียงกับเดวิด เพราะโดนไล่ออกในที่สุด เอเดรียนก็ตัดสินใจเข้าร่วมวงไวต์สเน็ก ซึ่งในเวลานั้นมี ทอมมี อัลดริดจ์ (Tommy Aldridge) เป็นมือกลอง รูดี ซาร์โซ (Rudy Sarzo) เป็นมือเบส และ วิเวียน แคมป์เบล (Vivian Campbell)เป็นมือกีตาร์อีกคน

Whitesnake
Whitesnake 1987 Tour Line-Up

อัลบั้มไวต์สเน็กประสบความสำเร็จมหาศาล เป็นอัลบั้มที่ทำยอดจำหน่ายได้สูงสุดของไวต์สเน็ก เอเดรียนเข้ากับเดวิดได้ดี และทั้งคู่ร่วมเขียนเพลงในอัลบั้มถัดมา สมาชิกไลน์อัปนี้อาจจะเป็นสมาชิกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับไวต์สเน็กในทศวรรษ 80

วิเวียน แคมเบลล์ลาออกหลังการทัวร์เสร็จสิ้น โดยให้สัมภาษณ์ภายหลังว่าเหตุผลหนึ่งที่เพราะเดวิดบอกเขาว่า อัลบั้มถัดไปจะมีแค่เพลงของเดวิดกับเดเดรียนเท่านั้น 

แต่เหมือนว่าฟ้าจะไม่เป็นใจ เอเดรียนเกิดบาดเจ็บจากการซ้อมเปียโน จนเล่นกีตาร์ไม่ได้  แต่เมื่อตรวจสอบสาเหตุจริงจังแล้วเป็นผลมาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ก่อนหน้านั้น มีบาดแผลเล็ก ๆ ซ่อนตัวอยู่บริเวณคอ และเมื่อเวลาผ่านไปอาการนั้นกระทบเส้นประสาทที่ควบคุมมือขวา ทำให้ต้องกลับไปรักษาตัวที่เนเธอร์แลนด์เป็นเวลาหกหรือเจ็ดเดือน

เดวิด จ้าง สตีฟ วาย (Steve Vai) เข้าร่วมวง อัลบั้ม สลิปออฟเดอะทังค์ (Slip Of The Tongue) จึงเป็นเสียงกีตาร์ของสตีฟ วาย เพียงผู้เดียว

โชคชะตาไม่เข้าข้างเอาเสียเลย

ทุกวันนี้ เวลาฟังหลายเพลงจากอัลบั้มชุดนี้ยังอดนึกไม่ได้ว่า ถ้าเป็นเสียงกีตาร์เอเดรียนมันจะเป็นอย่างไร?

หลังจากนั้น เดวิด ออกไปทำอัลบั้ม Coverdale-Page กับ จิมมี เพจ สมาชิกวงไวต์สเน็กที่เหลือในขณะนั้น คือเอเดรียน รูดี ซาร์โซ และ ทอมมี อัลดลิดจ์ จับมือกับ รอน ยัง (Ron Young)นักร้องนำวงลิตเติลซีซาร์ (Little Caesar) ตั้งวงแมนิกอีเดน (Manic Eden) และทำอัลบั้มหนึ่งชุด [Manic Eden ในปี 1994]

เอเดรียนกลับมาร่วมงานกับเดวิด คัฟเวอร์เดลอีกครั้ง และคราวนี้ได้แสดงฝีมือคนเดียวในงานชุดเรสต์เลสส์ฮาร์ต (Restless Heart) ในปีค.ศ. 1997 แต่น่าเสียดายที่งานนี้ไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่ (ความจริงเป็นงานเดี่ยวของ เดวิด คัฟเวอร์เดล แต่บริษัทขอร้องให้ใช้ชื่อไวต์สเน็กด้วยเหตุผลทางการตลาด)

เกร็ด: อัลบั้มนี้บันทึกเสียงที่คฤหาสน์ใน Lake Tahoe ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของ ดอนนา ซัมเมอร์ (Donna Summer นักร้องดิสโก้) Mike Fraser โปรดิวเซอร์คิดว่ามีวิญญาณของชนพื้นเมืองอเมริกันสิงสู่อยู่ในสตูดิโอ เขาจึงนำหมอผีมาปัดเป่าวิญญาณในสตูดิโอ

ปี 1999 วงไวต์สเน็กยุบวงอีกครั้ง เขาเดินทางกลับไปปักหลักทำงานในเนเธอร์แลนด์บ้านเกิดด้วยเหตุผลว่าขณะนั้นเขามีลูกสาว และอยากใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวมากกว่า แต่บางครั้งเวลาไวต์สเน็กมาเล่นในเนเธอร์แลนด์เขาก็ขึ้นมาแจมบ้าง

เอเดรียนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานศิลปะและอาร์ตเวิร์ก แทบไม่ได้กลับมาเล่นดนตรีจริงจัง จนกระทั่งปีค.ศ. 2011 เขาเป็นข่าวอีกครั้งเมื่อทำเพลง “อะ นัมเบอร์ วัน” ให้กับทีมฟุตบอลทเวนท์ในเมืองเอสเชด์ บ้านเกิดในเนเธอแลนด์ แต่โดนอดีตสมาชิกวงแวนเดนเบิร์กฟ้องร้องเพราะเขาทำเพลงนี้เป็นซิงเกิลในนามแวนเดนเบิร์ก งานนี้จบลงด้วยผลว่า ศาลรับรองให้เขาเป็นเจ้าของชื่อวงแวนเดนเบิร์ก เป็นคดีที่ยาวนานและมีความต่อเนื่องถึง 6 คดีความ

ต่อมาเขาทำวง แวนเดนเบิร์ก’ส มูนคิงส์ (Vandenberg’s Moonkings) ออกอัลบั้มมาในปีค.ศ. 2014 และเมื่อปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับชื่อ Vandenberg ได้ข้อยุติ เขาก็กลับมาใช้ชื่อวง Vandenberg อีกครั้ง อัลบั้ม 2020 ได้ รอนนี โรเมโร (Ronnie Romero – เคยร้องให้กับเรนโบว์) และล่าสุด SIN ได้ แมตส์ เลเวน (Mats Levén) เป็นนักร้องนำ

เนื้อหาบทความนี้ในแบบพอดแคสต์

Leave a Reply

Scroll to top
%d bloggers like this: