Jim Morrison and Nico

Jim Morrison and Nico จะเล่าถึงความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและจบลงในเวลาสั้น ระหว่าง Jim Morrison กับ Nico

Jim Morrison

Jim Morrison

นักร้องนำวง The Doors

Nico

Nico

นางแบบ และเป็นที่รู้จักในฐานะ นักร้องนำ Velvet Underground อัลบั้มแรก Velvet Underground & Nico

คนส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงคนรักของ Jim Morrison มักจะพูดถึงแต่ Pamela Courson ซึ่งคบหากันยาวนานตั้งแต่ประมาณปีค.ศ. 1965 จนถึงวาระสุดท้ายของ Jim ในปีค.ศ. 1971 

แต่ Jim Morrison ไม่ใช่คนที่จะคบกับสตรีเพียงคนเดียวไปตลอดชีวิต ระหว่างความสัมพันธ์ “แบบเปิด” กับPamela เขาก็ยังคบหากับสตรีหลายคน และหนึ่งในนั้นคือ Nico

Nico หรือชื่อจริงคือ Christa Päffgen เธอเป็นนางแบบและนักแสดงชาวเยอรมัน ต่อมาเข้าสู่วงการเพลง ซึ่งก็น่าสนใจไม่แพ้กันเพราะซิงเกิลแรกของเธอในปีค.ศ. 1965 “I’m Not Sayin’” ดูแลการผลิตและบรรเลงกีตาร์โดย Jimmy Page แต่ไม่ประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่นัก ว่ากันว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเพราะทั้งรูปร่างหน้าตาและสไตล์เพลงมันไปคล้ายคลึงกับ Marianne Faithfull ที่ออกอัลบั้มแรกในปีนั้นพอดี

ภายหลัง Nico จึงได้ย้ายมาปักหลักที่นิวยอร์ก และที่นั่น เธอได้พบปะและร่วมงานกับศิลปินป็อปอาร์ต Andy Warhol ซึ่งทำให้เธอได้ไปร้องเพลง 3 เพลงในอัลบั้ม Velvet Underground & Nico ในปีค.ศ. 1967

หลังจากที่ Nico ยุติการร่วมงานกับ Velvet Underground เธอหันไปคบหากับ Jackson Browne ซึ่งมาเล่นในวงดนตรีแบ็กอัพให้กับเธอ รวมทั้งเขียนเพลง “These Days” ให้เธอด้วย จากนั้นก็ไปใช้ชีวิตในบ้านของ Iggy Pop ประมาณสามเดือน

ทั้ง Jim Morrison และ Nico ต่างเป็นคนดังในแวดวงดนตรีร็อก ไซคีเดลิก ดนตรีอาร์ตร็อก ที่มีวิถีชีวิตคล้ายคลึงกัน ทั้งคู่รู้จักกันผ่านการแนะนำของ Danny Fields ซึ่งทำงานในอุตสาหกรรมดนตรีและมีบทบาทสำคัญต่อดนตรีพังก์ร็อกในอเมริกา (เขาเป็นผู้จัดการวงให้กับ Iggy Pop และ the Ramones ด้วย) Danny เล่าความหลังเมื่อครั้งที่ทั้งคู่ได้พบกันครั้งแรกที่บ้านของเขาว่า “ผมคิดว่า ผมเป็นคนเชิญเขามาที่บ้าน และเขาก็ตกหลุมรัก Nico ตั้งแต่แรกเห็น จากนั้นเขาก็เห็นความผิดพลาดในการใช้ชีวิตที่ผ่านมากก่อนหน้านั้น  นับจากวันนั้น เขาจะไม่สนใจพวกกรุปปีหรือผู้หญิงที่สวย หรือลึกลับ หรือแปลกใหม่ น้อยกว่า Nico อีกเลย”

และเพียงแค่คืนแรก เค้าความโกลาหลก็เริ่มต้น กลางดึกคืนนั้น David Newman วิ่งไปเคาะห้องนอนของ Danny และให้เขาดูสิ่งที่เกิดขึ้นนอกหน้าต่าง สิ่งที่ Danny เห็นก็คือ Nico นั่งร้องไห้และกรีดร้องอยู่กลางลาน ส่วน Jim Morrison ยืนเปลือยเปล่าอยู่บนหลังคา เมื่อ Nico เห็นเขาที่หน้าต่าง เธอวิ่งเข้าไปหา พร่ำบอกว่า “เขาชั่วร้ายมาก เขาชั่วร้ายมาก” ซึ่งDanny Fields ปลอบเธอว่า “ผมรู้ ผมรู้ Nico สงบสติอารมณ์และไปนอนเถอะ เขาแค่เมายา”

Nico เคยพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ Jim ในปีค.ศ. 1985 ว่า “ฉันชอบความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจ เราทะเลาะกันเพราะเราเมา และเราสนุกกับความรู้สึก เรารักกันอย่างอ่อนโยน รู้ไหม ฉันนึกถึง Jim Morrison ในฐานะพี่ชาย เราเติบโตมาด้วยกัน เรายังคงทำอยู่ เพราะเขาคือพี่ชายทางจิตวิญญาณของฉัน เราแลกเปลี่ยนเลือดกัน ฉันยังหล่อเลี้ยงเลือดของเขาไว้ภายใน เมื่อเขาตายและฉันบอกผู้คนว่าเขายังไม่ตาย ความหมายของฉันก็คือ เรายังคงเดินทางทางด้วยจิตวิญญาณร่วมกัน”

คำว่า “แลกเปลี่ยนเลือด” ไม่ใช่แค่ความหมายเปรียบเปรย Nico เคยขอให้ Jim กรีดนิ้วหัวแม่มือ ท่ามกลางทะเลทราย เพื่อให้เลือดของทั้งสองผสมกลมกลืนกัน เป็นรูปแบบพิธีกรรมของการอุทิศตัวตนเข้าด้วยกัน

เธอเล่าว่า เธอจริงกับกับ Jim ถึงขนาดคิดว่า ควรจะแต่งงานและมีลูกด้วยกัน เธอต้องการสิ่งที่แสดงออกอย่างจริงจังมากกว่าบทกวีและการแลกเปลี่ยนทางเพศ ซึ่ง Jim ไม่เห็นด้วยและนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งใช้กำลัง และสิ่งนั้นก็เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าวนเวียนเป็นวัฏจักร ความรัก – การโต้เถียง – ความขุ่นเคือง –  การคืนดี 

“ฉันตกหลุมรักเขา แล้วรักก็เป็นเช่นนั้น จริงไหม เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันรัก เพราะเขารักหน้าตาและจิตใจของฉัน แต่เราดื่มมากเกินไป และแน่นอน เราใช้ยามากเกินไป นั่นคือความยากลำบากของเรา ทุกอย่างเปิดให้เรา ไม่มีกฎเกณฑ์ เรามีความกระหายมากเกินไป” – Nico เล่าถึงความสัมพันธ์ของเธอไว้แบบนั้น

ช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ค.ศ. 1967 Jim กับ Nico ใช้ชีวิตร่วมกันในลอสแอนเจลิส  พวกเขามักจะขับรถไปในทะเลทราย เพื่อเสาะหากระบองเพชรส่วนที่เรียกว่าpeyote ซึ่งเป็นยาเสพติดจากธรรมชาติ ที่ชาวอินเดียนแดงพื้นเมืองเคยใช้ในการทำพิธีกรรมของวัฒนธรรมเผ่า

 “Peyote เป็นยาจิตวิญญาณ เราอยู่กลางทะเลทรายและทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ คุณก็รู้ ในที่โล่งแจ้ง ธรรมชาติรอบด้าน ไม่ใช่ห้องพักในโรงแรมหรือบาร์ และกระบองเพชรก็เป็นธรรมชาติ คุณไม่ได้ซื้อ จากใครบางคนที่มุมถนน เราเห็นนิมิตในทะเลทราย มันเหมือนกับ William Blake เขาจะเห็นภาพเหมือนที่ Blake เห็น นางฟ้าบนต้นไม้ เขาจะได้เห็นสิ่งเหล่านี้ และฉันเองก็เช่นกัน และ Jim แสดงให้ฉันเห็นว่านี่คือ สิ่งที่กวีทำ กวีเห็นนิมิตและบันทึกไว้ เขากล่าวว่าชนเผ่า Comanches มีกวีมากกว่าในร้านหนังสือเสียอีก เผ่า Comanches ก็ใช้กระบองเพชรด้วย เราเป็นเหมือนชาวอินเดียนที่ใช้ชีวิตแบบนี้เป็นเวลาหลายพันปี ก่อนหน้าจะมีชาวคริสต์และนานพอ ๆ กับชาวยิว”

ในฐานะกวีและศิลปิน Jim Morrison แลกเปลี่ยนความคิดเห็น อิทธิพลทางความคิด และอื่น ๆ กับ Nico. อยู่เสมอ อย่างเช่น การแนะนำให้รู้จัก Samuel Taylor Coleridge ผู้บุกเบิก Romantic Movement ซึ่งใช้ฝิ่นเกือบตลอดเวลา มีการวิเคราะห์ภายหลังว่าเขาน่าจะมีปัญหาเรื่องโรคซึมเศร้าหรือไม่ก็เป็นไบโพลาร์ ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่รู้จักอาการของโรคนี้ ฝิ่นและยาอื่น ๆ ใช้เพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ ของเขา แต่ในเวลานั้น Jim Morrison เชื่อว่า ฝิ่นเป็นเครื่องช่วยเปิดการรับรู้ของ Samuel Taylor Coleridge และเป็นเหตุผลให้เขาใช้โอสถลวงจิตต่าง ๆ

Nico เคยยกตัวอย่างผลการใช้ peyote ไว้ดังนี้“แสงแห่งรุ่งอรุณเป็นสีเขียวเข้มมาก และฉันเชื่อว่าฉันกำลังมองทุกอย่างกลับหัวไปหมด ท้องฟ้าเป็นทะเลทราย ซึ่งกลายเป็นสวนและมหาสมุทร แต่ฉันไม่ได้ว่ายน้ำ และฉันก็กลัวเมื่อมันกลายเป็นน้ำเปลี่ยนแปลงกลับกลายเป็นพื้นดิน สิ่งที่โอบล้อมฉันอยู่ก็คือ สวนลอยฟ้า” ซึ่งประสบการณ์นี้ มีส่วนทำให้เธอเขียนเพลง “Lawns of Dawn”

ถึงแม้ว่า Nico จะแสดงออกว่าตั้งใจปักหลักกับ Jim และพยายามเปลี่ยนตัวเอง เช่น ย้อมผมแดงเหมือน Pamela Courson แต่สุดท้ายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็จบลงในเวลาไม่นาน

Leave a Reply

Scroll to top
%d bloggers like this: