John Lydon: ไม่ควรมีใครตายอย่างไร้ความสุข

จอห์น ไลดอน (John Lydon) เป็นนักร้องของวงเซ็กซ์พิสทอลส์  (Sex Pistols) และ พับลิกอิมเมจลิมิเต็ด (Public Image Ltd) ซึ่งวงหลังสร้างผลงานไว้มากมายเกินกว่าวงแรกเยอะ

John Lydon

แต่วงแรก ที่ออกผลงานมาเพียงอัลบั้มเดียว กลับยิ่งใหญ่จนบดบังความเฉียบคมของเนื้อหาสาระทั้งหมดที่พับลิกอิมเมจลิมิเต็ดทำไว้ไม่ว่า จอห์นจะทุ่มเทแรงกายและใจให้กับพับลิกอิมเมจลิมิเต็ดอย่างเต็มที่ขนาดไหน ทุกครั้งที่คนเห็นหน้าเขาก็นึกถึงเซ็กซ์พิลทอลส์อยู่ดี

ผลงานแรกของพับลิกอิมเมจลิมิเต็ดยอดเยี่ยมมาก แต่มือกลอง จิม วอร์กเกอร์ (Jim Walker) โบกมือลาไปในปีค.ศ. 1979 ตามด้วยการแยกทางของมือเบส  จาห์ วอบเบิล (Jah Wobble) หลังอัลบั้ม Metal Box (1979) ออกมาไม่นาน และผู้ร่วมก่อตั้งวงคนสุดท้าย คีธ เลวีน (Keith Levene) ออกจากวงไปเมื่อปีค.ศ. 1983

จอห์นใช้ชีวิตคู่กับ นอรา ฟอสเตอร์ (Nora Foster) มาตั้งแต่ปีค.ศ. 1979 นอรา ซึ่งอายุมากกว่าจอห์น 14 ปี เป็นมารดาของ อารี อัป (Ari Up)  นักร้องนำวงเดอะสลิตส์ (The Slits เสียชีวิตเนื่องจากมะเร็งเต้านมเมื่อปีค.ศ. 2010) จอห์นประกาศในปี ค.ศ. 2018 ว่า นอราป่วยอัลไซเมอร์ และเขาจะลดทำงานเพื่อใช้เวลาดูแลเธอเต็มเวลา

John Lydon and Nora Foster
John Lydon and Nora Foster

นอราเสียชีวิตเมื่อเดือนเมษายน 2023 หลังจากตรวจพบอาการอัลไซเมอร์มาตั้งแต่ปีค.ศ. 2018 ปีนี้ (2023)

พับลิกอิมเมจลิมิเตด ปล่อยอัลบั้มใหม่ End of World โดยที่สมาชิกยังเป็นทีมเดิมตั้งแต่ปี 2009 ที่จอห์นกลับมาทำวงใหม่อีกครั้งหลังจากยุบวงไปในปี 1993 ทำให้จอห์นให้สัมภาษณ์นิตยสารและรายการต่าง ๆ มากขึ้น

Public Image Ltd
Public Image Ltd

FR!DAY ! AM !N ROCK ได้อ่านแล้วขอแปลบทสัมภาษณ์ของ จอห์น เลวิส (John Lewis) นิตยสาร Uncut

John Lydon: “It’s a chaotic world!”: On grief, glam rock and the UK vs the USA

จอห์น เลวิส: ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจ…

จอห์น ไลดอน: ไม่ ผมไม่อยากฟัง คุณไม่ต้องจำใจแสดงความรู้สึกของคุณเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมของผม ผมไม่ต้องการความเห็นอกเห็นใจที่ไม่ได้มาจากใจของคุณ

จอห์น เลวิส: ไม่นะ ผมไม่ได้เสแสร้ง ผมเสียใจมากเมื่อรู้ข่าวนี้…

จอห์น ไลดอน: การเสียชีวิตของนอร่าทำให้ผมแตกสลายและหัวใจพังทลาย แต่เรามาพบกันเพราะเหตุผลอื่น

จอห์น เลวิส: โอเค เพลงสุดท้ายของอัลบั้มใหม่ “ฮาวาย เป็นเพลงที่เกี่ยวข้องกับภรรยาผู้ล่วงลับของคุณ…

จอห์น ไลดอน: ขอบคุณ [สงบสติอารมณ์เล็กน้อย] ใช่ มันคือการรับมือกับความจริงที่ว่าเธอกำลังจะตาย การร้องเพลงนี้บนเวทีในตอนแรกเป็นเรื่องที่บีบคั้นจิตใจมาก แต่เมื่อเธอเสียชีวิตไปแล้วมันง่ายขึ้นเยอะ ผมโชคดีและมีความสุขมากที่รายการทีวีไอริชชื่อ เดอะวัน เปิดโอกาสให้ผมได้แสดงเพลงนี้ ผมจึงได้ร้องเพลงนี้ให้เธอฟังก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ดังนั้นขออวยพรให้ชายหญิงทั้งหลายในไอร์แลนด์ทั่วกัน เป็นโอกาสที่ผมไม่ค่อยได้รับมากนักในอังกฤษ

จอห์น เลวิส: นั่นคือเหตุผลที่คุณเสนอตัวเป็นตัวแทนของไอร์แลนด์ในยูโรวิชันใช่หรือไม่

จอห์น ไลดอน: พวกเขาเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ขอให้ผมทำ

จอห์น เลวิส: คุณอยู่ในอเมริกามาหลายสิบปีแล้ว คุณคิดอย่างไรกับประเทศเก่า (อังกฤษ)เมื่อคุณมาเยือนตอนนี้?

จอห์น ไลดอน: ผมจำเมืองนี้ไม่ได้แล้ว มันวุ่นวาย ผมทนการจราจร หมอกควัน และความสกปรกของมันไม่ไหว

จอห์น เลวิส: แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว มันยอดเยี่ยม…

จอห์น ไลดอน: มันควรจะ (ยอดเยี่ยม) แต่มันไม่ (ยอดเยี่ยม)

จอห์น เลวิส: แต่ถึงกระนั้นทั้งอัลบั้มก็เหมือนว่าจะทำในอังกฤษ…

จอห์น ไลดอน: ผมบันทึกอัลบั้มในคอตเวิลด์ (เมืองในอังกฤษ) ในเส้นทางอาชีพของผมดูจะได้รากฐานมาจากบ้านเกิด ผมโตมาในวัฒนธรรมที่ชัดเจนและมีลักษณะเฉพาะมาก ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่มีปัญหาและความขัดแย้งมากมาย แต่ผมก็ได้ประโยชน์และพัฒนาตัวเองจากวัฒนธรรมดังกล่าว

จอห์น เลวิส: เห็นได้ชัดว่าเพลง “Penge” ไม่เกี่ยวกับเพนจ์ที่อยู่ทางใต้ของลอนดอนใช่ไหม ฟังดูเหมือนพวกไวกิ้งบุก…

จอห์น ไลดอน:  มันเกี่ยว มันคือเสียงสะท้อนจากอดีต ผมคิดว่าเพนจ์มันฟังดูเหมือนสถานที่โบราณ มันเป็นจุดที่ดีสำหรับหยิบมาเล่นในมุมมองที่หลากหลาย ทางเลือกของคุณเมื่อโดนไวกิ้งบุกขึ้นฝั่งจะเป็นอย่างไร? คุณจะหนีไปกับดรูอิดในอ่าวถัดไป ซึ่งในกรณีนี้อาจเปิดช่องให้เกิดการล่อลวงเด็กได้ หรือคุณจะไปเผชิญหน้าผู้บุกรุก?

จอห์น เลวิส: เพลง “Car Chase” ดูเหมือนจะบอกเล่าจากมุมมองของคนที่ถูกควบคุมตัวในสถาบันโรคจิต…

ไม่ควรมีใครตายอย่างไร้ความสุข

จอห์น ไลดอน

จอห์น ไลดอน: ใช่ หรืออาจจะเป็นที่ไหนก็ได้ที่พวกเขาส่งคนชราไปพำนัก สถานที่เหล่านี้คือคลินิกทรมานคน ซึ่งคนอยู่ในนั้นต้องใช้ชีวิตอย่างน่าสมเพช และการหลบหนีที่พวกเขาทำได้ทางเดียวก็คือจินตนาการ ผมรู้จักใครบางคนที่ถูกส่งตัวไปบ้านพักคนชรา และพวกเขาไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีนัก มันไม่ใช่สิ่งที่ผมจะยอมให้เกิดขึ้นกับนอร่า ไม่ควรมีใครตายอย่างไร้ความสุข ผู้คนควรไปพบพระเจ้าของพวกเขาในบ้านของพวกเขาเอง

จอห์น เลวิส:  เพลง “Walls” พูดถึงอะไร?

จอห์น ไลดอน: เราทุกคนต้องการสิ่งกีดขวาง เราต้องการพื้นที่ห่างจากคนอื่นในระดับหนึ่ง เพื่อความรู้สึกปลอดภัย ตอนนี้ ผมต้องรับมือกับคนแอบย่องเข้ามาในสวนของผมในตอนกลางคืน วิ่งไปมาและอ้างว่าเธอเป็นลูกสาวของผม และเธออายุ 50 ปีได้แล้ว ความเห็นแก่ตัวแบบไม่ใส่ใจข้อเท็จจริงอะไรเลยแบบนี้ทำให้ผมอารมณ์เสียจริงๆ ในอดีตเคยมีพวกสตอล์กเกอร์ แต่คนนี้ไร้เหตุผลเกินไป และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นผมจึงต้องแจ้งตำรวจ ผมไม่ชอบทำให้ใครเดือดร้อน แต่เรื่องนี้ทำให้เครียด มันทำให้ผมประสาทรับประทาน

จอห์น เลวิส:  และคุณเปรียบเปรยเหมือนกำแพงของ (อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์) ทรัมป์?

จอห์น ไลดอน: ตอนนี้ถ้าเราดูสิ่งที่เกิดขึ้นบริเวณพรมแดนอเมริกาซึ่งมันบ้ามาก ไม่ใช่แค่คนที่ข้ามชายแดนอย่างผิดกฎหมาย มันคือยาเสพติด เฟนทานิล ทุกอย่างที่ผลิตในเม็กซิโก มันก่อเกิดความตายตามมานับไม่ถ้วน ความเศร้าโศก และการเสพติดไม่รู้จบ และเรามีรัฐบาลที่ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมรับข้อเท็จจริงนั้น มันเป็นสิ่งเสพติดที่ร้ายกาจมาก และคนจรจัดก็เพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่คนจรจัดจริง ๆ ทุกวันนี้ คนไร้บ้านเป็นผู้ชายในช่วงอายุหนึ่ง เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเนอร์วานา ซึ่งทำตัวเป็นเด็กทั้งที่โตแล้ว พวกเห็นแก่ตัวที่คาดหวังว่าจะได้รับของแจกฟรีและอะไรก็ตาม และพวกเขาก็เริ่มมีเรื่องกับแก๊งค้ายา มันเป็นโลกที่วุ่นวาย และกำแพงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อยุติสิ่งเหล่านี้ ผมเคยพูดเสมอว่า อะไรที่เป็นของผมก็คือของผม เอามือโสโครกของคุณออกไปซะ ผมไม่ขโมยของใครและผมไม่อยากให้ใครมาขโมยของผม

จอห์น เลวิส:  มันโยงกับ “Being Stupid Again” ใช่มั้ย?

จอห์น ไลดอน: นั่นเป็นเพลงที่ไม่จริงจังอะไรมากนัก พูดเรื่องแนวนโยบายต่อนักเรียน ผมชอบเป็นนักเรียน แต่มหาวิทยาลัยในปัจจุบันไม่ได้สอนเรื่องการคิดเชิงวิพากษ์ มันกลายเป็นเพียงการเขียนตามคำบอกของสถาบัน นักเรียนสมัยนี้ดูเหมือนจะไม่สามารถรับฟังข้อโต้แย้งหรือมุมมองที่แตกต่างได้ มหาวิทยาลัยได้กลายเป็นแคมป์ที่ปรนเปรอนักศึกษามากเกินไป ผมชอบความแตกต่างทางความคิดเห็น นั่นคือสิ่งที่ผมเรียนรู้ ผมรักความถูกต้อง ผมจะไปถึงจุดนั้นได้ด้วยการฟังความคิดเห็นหลากหลายมุมมองเท่านั้น

จอห์น เลวิส:  แล้วเพลง “Strange” เกี่ยวกับอะไร?

จอห์น ไลดอน: “Strange” เป็นเพลงสรรเสริญธรรมชาติ ผมคิดว่าถ้าคุณหลับตาและฟัง 30 ครั้งติดต่อกัน คุณจะเข้าใจ! ต้นไม้เหล่านี้เป็นยอดมหาวิหารของผม นั่นคือโบสถ์ของผม ผมชื่นชมธรรมชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้จะอยู่ในลอสแองเจลิสก็ตาม เพราะนอร่าชอบสีสัน มันน่าตื่นเต้นที่ได้พาเธอเข้าไปในสวนหลังบ้านเล็กๆ ของเราและปลูกดอกไม้ ผมดูมันเติบโต น่าทึ่งมาก จำนวนนกที่มาในสวนหลังบ้านของผมในปีที่แล้วเพิ่มขึ้นมาก  นี่คือสิ่งที่ทำให้เธอมีชีวิตชีวาโดยไม่ต้องมีผมก็ได้  ตอนนี้ผมรู้สึกสนุกกับชีวิตมากขึ้น

จอห์น เลวิส:  ยกตัวอย่างสักหน่อยได้มั้ย

จอห์น ไลดอน: คุณรู้มั้ย ตอนผมทำ I’m a Celebrity Get Me Out Of Here ผมค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับตัวเอง หลัก ๆ ก็คือ ผมค้นพบว่าผมถูกสร้างมาเพื่อเอาชีวิตรอด! ดูเหมือนไม่ยากสำหรับผมที่จะต้องหาฟืน ต้มน้ำ ดูแลตัวเอง ผมปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผมไม่รู้ว่าผู้คนกำลังดูอะไรอยู่ มันค่อนข้างน่ากลัวเมื่อสำนึกได้ว่ามีกล้องจับจ้องเราอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน คุณต้องละทิ้งอีโก้และเป็นตัวของตัวเอง มันทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้นในทุกด้านจริงๆ

จอห์น เลวิส: ดูเหมือนว่าตอนนี้คุณได้สมาชิกวง PiL ที่ดีที่สุดที่คุณมีมาในรอบหลายปีใช่หรือไม่?

จอห์น ไลดอน: แน่นอน. เมื่อก่อนมักจะต้องคิดเรื่องเกี่ยวกับพวกการเงินอยู่เสมอ แต่หลังจากเราออกมาทำงานอิสระ สถานการณ์มันก็ต่างออกไป เราทำสิ่งที่เราชอบ เราไม่ต้องรับผิดชอบต่อคนแปลกหน้าไร้ใจที่ถือกระเป๋าเงิน เราพึ่งพาการทัวร์เพื่อทำเงิน เพื่อจะได้เงินต่อยอดไปทำอัลบั้ม ช่วงที่เกิดโควิดระบาดทำให้มันออกมาไม่ดีนัก เราเลยมีเงินเพียงน้อยนิดสำหรับทำอัลบั้มนี้ แต่ดูเหมือนจะผมจะเติบโตได้ดีเมื่อเจอปัญหาต่าง ๆ ถาโถมมา

จอห์น เลวิส: บางเพลงดูจะออกไปทางแกลมร็อกอยู่มากทีเดียว โดยเฉพาะเพลง “The Do That”… 

จอห์น ไลดอน: โอ้ใช่. ผมชอบแกลมร็อกพอประมาณ มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ของอังกฤษอย่างแท้จริง มันมักจะมีเรื่องไร้สาระประเภท พังก์ร็อกมาจากนิวยอร์ก มันเป็นเรื่องบ้าบอคอแตก ผมมาจากวัฒนธรรมที่เข้มแข็งมาก ไม่ต้องให้อเมริกาสอนเราถึงวิธีการเป็นพังก์ พังก์ของอเมริกานั้นเต็มไปด้วยกลุ่มของผู้ชายที่สวมกางเกงรัดรูป อ่านบทกวีของริมโบด์ในซอกเล็ก ๆ ของนิวยอร์ก เราไม่ต้องการอเมริกา เรามีสิ่งที่น่าตื่นเต้นในวัยเยาว์ซึ่งไม่เกี่ยวกับอเมริกาเลย พังก์ออกมาจากแกลม พวก สเลด, สวีต, ทีเร็กซ์, โบวี่, โชว์ดี้วัดดี้, มัด “I love your Tiger Feet.” – “The Do That” แสดงแกล็มร็อกในมุมมองนั้น

จอห์น เลวิส: “Hawaii” ดูจะไปในทางเดียวกับ “Death Disco” ใช่หรือไม่?

จอห์น ไลดอน: คล้ายกันมาก แต่แตกต่างกันในเรื่องวิธีการไปสู่ความตาย “Death Disco” เขียนขึ้นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวขณะที่แม่ของผมกำลังจะตายในโรงพยาบาล ตอนแรกผมตกใจมาก ผมรู้ว่าเธอกำลังจะตาย แต่ผมรับมันไม่ได้ “Hawaii” เป็นการยอมรับ (ความตาย) มากขึ้น มันเป็นเพลงที่สนุกสนานกว่ามาก ผมไม่ปล่อยให้เกิดความรู้สึกสงสารตัวเองในเรื่องนี้ แม่และพ่อของผมจะกลับเข้าหลุมฝังศพถ้าผมทำแบบนั้น ไม่มี เอ็ดการ์ อัลเลน โป ในตัวผม พ่อกับแม่คงจะโกรธถ้าผมเอาแต่สงสารตัวเอง ถ้าผมกลับบ้านแล้วพูดว่า โอ้ หนูถูกรังแกที่โรงเรียน พวกเขาจะบอกว่า โอ้ โห่ ฮิ้ว กลับไปจัดการมันซะ!

จอห์น เลวิส: งานศพของนอราเป็นอย่างไร

จอห์น ไลดอน: ผมมีพื้นเพมาจากชาวไอริช และเราชอบที่จะเฉลิมฉลองงานศพ และบังเอิญว่างานศพของเธอตรงกับวันราชาภิเษกของชาร์ลส์พอดี ซึ่งเธอจะมีความสุขในทางขบขับกับเรื่องนี้  ผมประดับธงยูเนียนแจ็กเต็มสวนหลังบ้าน แล้วก็ตัดกระดาษแข็งใส่รูปชาร์ลส์และคามิลลา คุณจะเอาหัวไปจ่อหน้าพวกมัน หรือจะชกหน้าพวกเขาก็ได้ถ้าคุณต้องการ เรามีไส้กรอกและมันบด เป็นวิธีที่ดีในการบอกลานอร่ากับเพื่อนบ้านของเรา

จอห์น เลวิส: คุณมีเพื่อนมากมั้ยในลอสแอนเจลิส?

จอห์น ไลดอน: ไม่มากนัก ผมมีเพื่อนบ้านที่ผมสุงสิงด้วย ผมพยายามที่จะไม่มีเพื่อนมากเกินไป พวกเขาดูดซับพลังงานออกจากคุณ คุณไม่ควรมีความสัมพันธ์มากกว่าที่คุณมีนิ้วมือข้างเดียว เพราะไม่อย่างนั้นก็เหมือนคุณเปิดตัวเองสำหรับการนินทา ถ้าคุณมีเพื่อนมากเกินไป คุณก็จะมีคนมาตัดสินมากขึ้น เกลียดชังกันมากขึ้น ผมจะตัดด้านนั้นออกจากชีวิต ผมนึกถึง มิวเรียล สปาร์ก และการใช้ชีวิตในสายตาสาธารณะทำลายชีวิตสมรสของเธออย่างไรบ้าง และทำให้ครอบครัวของเธอพังพินาศ ผมเกลียดที่จะต้องสูญเสียพลังไปกับความสนใจของผู้คนแบบนั้น

Leave a Reply

Scroll to top
%d bloggers like this: