Ozzy Osbourne and Jake E Lee

Jake E Lee – เจก อี ลี มือกีตาร์ผู้มาแทนที่ แรนดี โรดส์ ในวงดนตรีของ ออสซี ออสบอร์น

หลังจากที่ ออสซี ออสบอร์น (Ozzy Osbourne) ต้องสูญเสีย แรนดี โรดส์ (Randy Rhoads) มือกีตาร์คนสำคัญไปอย่างไม่มีวันกลับ ภาระหนักอึ้งที่เขาต้องหามือกีตาร์มาแทนที่อย่างเป็นทางการหลังการทัวร์คอนเสิร์ตเสร็จสิ้นลง

ออสซี ออสบอร์น ขอคำแนะนำจาก ดานา สตรัม (Dana Strum) ผู้แนะนำ แรนดี โรดส์ ให้กับเขา ช่วยคัดเลือกคนที่จะมาเป็นมือกีตาร์ข้างกาย และ ดานา สตรัม ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาให้ลิสตรายชื่อมือกีตาร์ถึง 25 คนที่โด่งดังในลอสแอนเจลิสในเวลานั้น

มือกีตาร์ผู้เข้ามาตัวเลือก

George Lynch

ตอนแรก ออสซี เลือก จอร์จ ลินช์ (George Lynch – ต่อมาเป็นมือกีตาร์วงด็อกเคน – Dokken) ซึ่งเคยมาทดสอบฝีมือกีตาร์เมื่อครั้งที่ ออสซี ตั้งวงดนตรี บลิดซาร์ดออฟออส ใหม่ ๆ แต่ในตอนนั้น ออสซี ตัดสินใจเลือก แรนดี โรดส์ และ จอร์จ คือคนที่ไปสอนที่โรงเรียนสอนดนตรีของแม่แรนดี ในขณะที่แรนดีต้องเดินทางออกทัวร์ไปกับออสซี

และเมื่อ ออสซี ต้องหามือกีตาร์แทนที แรนดี โรดส์ ชื่อ จอร์จ ลินซ์ ก็เป็นตัวเลือกแรก ๆ สำหรับ ออสซี ในช่วงที่ ออสซี ออกทัวร์ ไดอารีออฟอะแมดแมน เขาก็ให้ จอร์จ เดินทางไปกับวงด้วย ถึงจะไม่ได้ขึ้นเวทีแต่ก็ได้ซ้อมดนตรีกันในช่วงที่วงดนตรีอยู่ที่เท็กซัส ซึ่งในเวลานั้น นอกจาก จอร์จ แล้วยังมีมือเบสอีกคนที่อยู่ในสถานการณ์ใกล้เคียงกันคือ ดอน คอสตา (Don Costa) ซึ่งผลปรากฏว่าทั้ง จอร์จ และ ดอน ไม่ได้ไปต่อทั้งคู่ รวมระยะเวลาที่ จอร์จ ติดสอยห้อยตาม ออสซี ประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้น (แต่ จอร์จ อ้างว่า เขาใช้เวลาอยู่กับออสซีประมาณ 2 – 3 เดือน)

จอร์จ เล่าความหลังในตอนนั้นว่า “ตอนนั้นผมอยู่กับภรรยา ผมลาออกจากงานแล้ว เรามีลูกสองคน เรามีอพาร์ตเมนต์ แต่เราไม่มีเงิน ดังนั้น (การเป็นมือกีตาร์ให้ออสซี) จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผม ผมเป็นคนขับรถส่งของให้กับบริษัทสุรา ซึ่งผมก็เต็มใจไปส่งเหล้าในที่ที่ไม่ค่อยดี ไม่มีใครอยากขับเข้าไปในพื้นที่นั้น ก็เลยรับทำงานงานนี้ เป็นงานที่มีสหภาพแรงงานที่ดี ทำเงินได้เพียงพอ และต้องลาออกจากงานนั้น เพื่อไปกับออสซี แล้วเขาไล่ผมออกซะงั้น… แถมไม่จ่ายเงิน ไม่ให้ค่าชดเชยผมเลย เขาไม่ได้ถามผมเลยว่าผมโอเคหรืออะไร พวกเขาไม่ถาม ไม่สนใจ แค่พูดว่า… พูดไปตามเรื่อง เหมือน…ประมาณหนึ่งนาที  ออสซีพูดว่า ‘เฮ้ มันไม่ได้ผล ขอบคุณมากที่สละเวลา แล้วเจอกัน ทีหลัง บ๊ายบาย’ [หัวเราะ] ใช่ ผมอ้าปากค้างไปเลย ไม่อยากเชื่อ หัวใจมันหล่นไปอยู่ตาตุ่ม และ… ใช่ ผมคิดว่าผมร้องไห้ระหว่างทางกลับบ้าน [หัวเราะ] มันเลวร้ายมาก”

ในช่วงนั้น เป็นช่วงที่ จอร์จ กำลังลำบาก เส้นทางดนตรีของเขาไม่ราบรื่นนัก ต้องทำงานเป็นคนส่งของประจำร้านขายสุราทำให้เขาต้องตัดผมสั้น ซึ่งมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า ชารอน (Sharon – ภรรยาของ ออสซี) มองว่าภาพลักษณ์ของ จอร์จ ไม่เท่เท่ากับมือกีตาร์อีกคนที่ชื่อ เจก อี ลี (Jake E. Lee) 

จะว่าไปก็น่าเสียดายไม่น้อย เพราะลีลาการเล่นกีตาร์ที่ดุดันยอดเยี่ยมคนหนึ่งในสายเมทัล ถ้า ด็อกเคน ไม่ได้เสียงกีตาร์ของ จอร์จ มาช่วยเสริม หลายเพลงคงจืดชืดไปมากทีเดียว

Jake E Lee

เจก เขาก็ดีนะ แต่แค่สามวันแรกที่รู้จักกันเท่านั้น

ออสซี ออสบอร์น

คนที่ ออสซี ออสบอร์น เลือกมาเป็นมือกีตาร์อย่างเป็นทางการก็คือลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่น นามว่า เจกกี ลู วิลเลียมส์ 

เจกกี ลู วิลเลียมส์ หรือ ที่รู้จักกันในนาม เจก อี ลี เกิดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1957 ในสมัยนั้นยังไม่ดังระดับโลก แต่ในลอสแอนเจลิสก็เป็นคนดังในระดับหัวแถว เคยร่วมงานกับวง แรตต์ (Ratt) ในช่วงปลายทศวรรษ 70 (สมัยนั้นใช้ชื่อวงว่า มิกกีแรต – Mickey Rat) ต่อมาไปร่วมวง รัฟคัตต์ (Rough Cutt)  แต่ไม่เคยบันทึกเสียงในอัลบั้มเป็นทางการกับวงที่กล่าวมาแต่อย่างใด

ก่อนหน้าจะมาอยู่กับ ออสซี ออสบอร์น นั้น เจก ไปร่วมงานกับ รอนนี เจมส์ ดีโอ ซึ่งออกจาก  แบล็กซับบาธ มาทำอัลบั้มเดี่ยว แต่อยู่ร่วมงานกันได้ไม่เท่าไหร่ เจก ก็ต้องขอลาออกเพราะแนวคิดไปคนละทาง

เจก อี ลี เป็นหนึ่งใน 25 ชื่อที่ ดานา สตรัม ส่งให้ ออสซี ดู และเมื่อ ออสซี เรียกมาทดสอบฝีมือให้ดู  ออสซี ก็หันไปหา จอร์จ ลินซ์ แล้วพูดว่า “ออกจากวงตูไปได้แล้วเว้ย ไอ้หมอนี่จะมาเล่นกีตาร์ให้ตูเอง”

มันคงเป็นความประทับใจแรกพบที่เลวร้ายพอสมควรสำหรับ เจก อี ลี บางทีอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตะหงิดใจอยู่ในที ที่ได้เจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้

จะว่าไป เจก เป็นตัวเลือกที่ดีของ ออสซี ต้องยอมรับว่า ออสซี มีสัมผัสพิเศษในเรื่องการเลือกมือกีตาร์จริง มือกีตาร์หลายรายที่เขาร่วมงานในช่วงแรกแทบจะไร้ชื่อเสียง หรือ มีชื่อเสียงเพียงแค่แวดวงแคบ ๆ อย่างเช่น แรนดี โรดส์ เจก อี ลี และ แซ็ก ไวลด์

Ozzy Osbourne, Jake E Lee

ผลงานชุดแรกที่ เจก มีส่วนร่วมกับ ออสซี ก็คือ บาร์กแอตเดอะมูน (Bark at the Moon) เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมาก (FR!DAY ! AM !N ROCK ชอบผลงานชุดนี้มากที่สุดในบรรดาอัลบั้มต่าง ๆ ของ ออสซี!) ความโดดเด่นของอัลบั้มนี้ก็คือท่อนริฟฟ์ดุดัน เพลงมีท่วงทำนองติดหู แต่ทว่าความบาดหมางระหว่าง ออสซี กับ เจก ก็เริ่มตั้งแต่อัลบั้มแรกนี้เช่นกัน

เจก เล่าถึงจุดเริ่มต้นความบาดหมางว่า “(การทำงานกับ) ออซซี เป็นเหมือนการเรียนรู้ ออซซีเป็นคนประเภท…คือ ตอนที่เขาไม่เมา เขาเป็นคนดีมาก ตอนที่เขาไม่มีสติ เขาก็เป็นคนบ้า ๆ บอ ๆ ดังนั้น มันจึงขึ้น ๆ ลง ๆ ดี ๆ ร้าย ๆ ขาวกับดำ นั่นคือ ออซซี เพราะตอนที่เขาสติหลุด ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เขากลายเป็นคนพาล และผมก็ทนไม่ได้ เราตกลงกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าผมรับอะไรแบบนี้ไม่ได้ แล้วเขาจะหาใครสักคนรองรับอารมณ์ร้าย ๆ ของ แต่ก็อย่างที่บอก โดยพื้นฐานเขาเป็นคนดีและตลก”

ส่วนทางฝั่ง ออสซี (หรือทีมงาน เช่น ชารอน ภรรยาของ ออสซี) คิดว่า เจก พยายามแย่งความโดดเด่นบนเวทีเกินหน้าเกินตา คือถ้าเป็นช่วงโซโลกีตาร์ก็จะไม่เป็นไร แต่ในขณะที่ ออสซี กำลังร้องอยู่ ทุกคนอยากให้ ออสซี เป็นจุดรวมสายตาของคนดูมากกว่า แต่ เจก กลับเล่นแบบไม่เจียมกะลาหัวว่าเป็นแค่มือกีตาร์ พยายามโชว์และชอบออกมาอยู่แถวหน้า

นอกจากนี้ ในเรื่องการทำเพลง เจก ไม่ใช่คนอารมณ์เย็นอย่าง แรนดี โรดส์ ที่มีความอดทนพอจะอธิบายให้ ออสซี เข้าใจดนตรีที่เขาทำขึ้น นั่นยิ่งถ่างความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้ห่างกันมากยิ่งขึ้นไปอีก

เมื่อ ออสซี ไม่เข้าใจในดนตรีที่เขาเขียน ทำให้ เจก ต้องการควบคุมส่วนของดนตรีทั้งหมดไว้ในมือเพียงผู้เดียว ยิ่งทำให้ ออสซี หงุดหงิด แต่เป็นความหงุดหงิดที่ ออสซี ทำอะไรไมได้มากนัก เพราะเขาไม่ได้มีความสามารถในการเขียนเพลงด้วยตัวเองเต็มรูปแบบ นอกเหนือจากการนำเสนอริฟฟ์แล้ว เจก ยังเสนอท่อนร้อง ท่อนคอรัส ไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ ออสซี โต้แย้งมากนัก และในเวลานั้น ออสซี เองกำลังจัดการปัญหาการติดยาของตัวเองและเข้า ๆ ออก ๆ สถานบำบัด จนไม่มีเวลาทำงานจริงจัง ยิ่งในช่วงทำอัลบั้ม ดิอัลติเมตซิน เขาไปรับการบำบัดอาการติดเหล้าติดยาในศูนย์เบ็ตตีฟอร์ด (ถึงขนาดขอบคุณเพื่อนในนั้นบนปกอัลบั้ม) ช่วงนั้นจึงเป็นช่วงที่ เจก ยึดอำนาจการทำงานไว้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่ง ออสซี ไม่ค่อยพอใจนัก แต่จำเป็นต้องปล่อยไป

และเรื่องเงินทองกับชื่อเสียง ที่ เจก เห็นว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมมากนัก อย่างเช่น การเขียนเพลงในอัลบั้ม บาร์กแอตเดอะมูน แต่เครดิตการเขียนเพลงกลายเป็น ออสซี ออสบอร์น มีข่าวว่า ชารอน ยื่นขอเสนอที่ปฎิเสธไม่ได้ ให้เขารับเงินจำนวน 5,000 ดอลลาร์แทน ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องออกจากวงไป จนทำให้ในช่วงเวลาทำอัลบั้ม อัลติเมตซิน เขาต้อง “เรียกค่าไถ่” ไม่ยอมปล่อยงานออกไปหากไม่ได้รับเครดิตในการทำเพลง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ ชารอน มองว่า เจก กำลังหวังครอบครองชื่อเสียงของ ออสซี อย่างไม่เป็นธรรม

แต่ถึงจะมีความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ งานชุด บาร์กแอตเดอะมูน  ก็ออกมาได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าภาคดนตรีจะไม่มีความแพรวพราวละเมียดแบบสมัยที่ แรนดี เป็นมือกีตาร์ แต่ถ้าพูดถึงโจทย์ที่ เจก ได้รับจาก ออสซี คือ “มันจะต้องไม่แปลกประหลาด และจะต้องไม่ป็อปเกินไป” ผลที่ออกมาถือว่าดีเยี่ยมแล้ว ทิศทางดนตรีไม่แตกต่างจากเมทัลทั่วไปในสมัยนั้นมากนัก แต่ด้วย “ความเป็นออสซี” ช่วยให้งานนี้มีความแตกต่างและขายได้มากในระดับที่น่าพอใจ

อัลบั้มนี้ได้แรงโปรโมทจากมิวสิกวิดีโอ “บาร์กแอตเดอะมูน” ที่ ออสซี สวมบทเป็นนักวิทยาศาสตร์จิตวิปเลี้ยว กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า เพลงนี้ก็โดนกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุฆาตกรรมรายหนึ่ง เพราะมีวัยรุ่นฆ่าเพื่อนของเขาโดยอ้างว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงนี้

ส่วนตัว เจก ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันสำคัญ คือ การโดนเปรียบเทียบกับ แรนดี อย่างหลีกเลี่ยงไมได้ ยิ่งในการแสดงสด เขาจะต้องเห็นแฟนเพลงที่สวมเสื้อยกย่องสรรเสริญแรนดี รวมถึงคนดูที่ตะโกนดูถูกว่าเขาฝีมือไม่ถึง เจอแบบนี้ไปก็มึนเหมือนกัน 

และจะเป็นด้วยเหตุว่า เจก ฝีมือไม่ถึง หรือว่า ออสซี หมดสภาพก็ไม่ทราบ งานชุด ดิอัลติเมตซิน กลายเป็นงานที่ค่อนข้างจะอ่อนด้อยที่สุดในบรรดางานทั้งหมดของ ออสซี  มีแค่เพลง “ซ็อตอินเดอะดาร์ก” ที่เป็นเพลงฮิต

ในระยะเวลาสี่ปีกับสองอัลบั้ม เป็นช่วงเวลาที่ไม่อาจกล่าวได้เต็มปากว่าดีนัก แต่ ออสซี ก็ยังรักษาสถานะซูเปอร์สตาร์เอาไว้ได้ และเขาก็ตัดสินใจว่า เมื่อทำงานกับ เจก ไม่ราบรื่นควรแยกทางกับ เจก อี ลี ก่อนที่อะไรจะดิ่งเหวไปมากกว่านี้ 

Leave a Reply

Scroll to top
%d bloggers like this: