Randy Rhoads

Randy Rhoads เป็นมือกีตาร์ของ Ozzy Osbourne ในอัลบั้ม Blizzard of Ozz และ Diary of a Madman เป็นหนึ่งในมือกีตาร์ที่บุกเบิกความ “บ้า” กีตาร์ ในทศวรรษ 80 เคียงคู่กับ Eddie Van Halen น่าเสียดายที่เขาจากไปก่อนวัยอันควรด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก

เนื่องในวันที่ 6 ธันวาคม เป็นวันคล้ายวันเกิดของ Randy จึงอยากเขียนถึงมือกีตาร์ผู้มากความสามารถคนนี้เสียหน่อย เพราะเป็นมือกีตาร์ที่ชอบมากคนหนึ่ง 

Randy Rhoads

William พ่อของเขาเป็นครูสอนดนตรี Delores (หรือ Dee) Rhoads แม่ของเขาก็เป็นครูสอนดนตรี เมื่อ Randy อายุไม่ถึง 2 ปี ทั้งคู่ก็แยกทางกัน Randy และพี่ของเขา Kelle กับ Kathy อาศัยอยู่กับแม่ ซึ่งเปิดโรงเรียนดนตรี Musonia Music School จึงไม่ต้องแปลกใจว่าลูกทั้งสามคน ล้วนแล้วแต่คุ้นเคยดนตรีมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบัน Kelle สืบทอดกิจการโรงเรียนของ Delores ส่วน Kethy แยกไปเปิดโรงเรียนสอนดนตรีร่วมกับสามีของเธอ

Randy จับกีตาร์ตั้งแต่อายุ 6 ขวบและเรียนกีตาร์เป็นกิจลักษณะที่โรงเรียนของมารดา ไม่ถึงปี ครูผู้สอนก็บอก Delores ว่า Randy เรียนรู้ทุกอย่างที่เขารู้ไปหมดแล้ว เธอจึงให้ Randy มาเรียนเปียโนกับเธอโดยตรง เพื่อจะเรียนรู้เรื่องทฤษฎีดนตรีต่าง ๆ ด้วย (Delores เรียนจบด้านดนตรีโดยตรงจาก UCLA)

เมื่อเขาเรียนระดับมัธยม ก็ได้รู้จักกับ Kelly Garni ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนสนิท ทำให้ Kelly หันมาเล่นเบสเพราะคิดว่า สายเบสมันน้อยกว่ากีตาร์น่าจะเล่นง่ายกว่า (แต่หลังจากRandy ลาออกจาก Quiet Riot ไปร่วมงานกับ Ozzy ตัว Kelly ก็เลิกเล่นดนตรีไปเลย)

Kelly เล่าว่า จุดเปลี่ยนของ Randy เกิดขึ้นตอนปีค.ศ. 1973-1974 เมื่อได้ดูคอนเสิร์ตของ Alice Cooper แล้วเกิดประทับใจคอนเสิร์ตจนตั้งใจว่าจะเป็นนักดนตรีอาชีพ แต่จุดเปลี่ยนสำคัญคือตอนที่เขาได้ชมคอนเสิร์ตของ David Bowie เมื่อเห็น Mick Ronson วาดลวดลายบนเวที Randy เกิดความรู้สึกแรงกล้าว่าจะเป็นแบบ Mick

เขาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวอย่างหลายอย่าง เช่น ใช้กีตาร์กิ๊บสันเลสพอล ทำผมให้คล้ายกับ Mick และแต่งตัวตามแบบพวกแกลมร็อก โดยไปคุ้ยเสื้อผ้าและของประดับมือสองมาตกแต่งตัดเย็บแก้ไขด้วยตัวเอง แต่นอกจาก Kelly Garni แล้ว เพื่อนร่วมโรงเรียนคนอื่นไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เขาทำเท่าไหร่ ทำให้ช่วงเวลาในโรงเรียนไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่

Kelly กับ Randy ตั้งวง The Whore เล่นเพลงของวงร็อกทั่วไปในตอนนั้น สมาชิกและชื่อวงเปลี่ยนไปเรื่อย จนมาถึงวง Little Woman ที่ได้ Kevin DuBrow กับ Drew Forsyth ถึงลงตัว และเปลี่ยนชื่อวงเป็น Quiet Riot

Quiet Riot มีชื่อเสียงพอสมควรในคลับต่าง ๆ มีชื่อเสียงตีคู่มากับ Van Halen แต่Van Halen ได้เซ็นสัญญากับบริษัทยักษ์ใหญ่และกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ ในขณะที่ Quiet Riot ออกอัลบั้มมาเงียบ ๆ ไม่ได้รับความสนใจอะไรมากนัก ถึงแม้ว่าจะมีชื่อเสียงในคลับย่านซันเซตและลอสแอนเจลิส แต่สถานะทางการเงินก็ไม่ได้ดีมาก

แล้วโชคชะตาของ Randy ก็เปลี่ยนไป เมื่อเขาได้รู้จักกับ Dana Strum มือเบสวง Bad-Axe ซึ่งได้ชมการแสดงสดของ Quiet Riot แล้วประทับใจฝีมือ Randy เป็นอย่างมาก เมื่อเขาได้ไปขลุกอยู่กับ Ozzy ช่วงที่ Ozzy หานักดนตรีในลอสแอนเจลิสมาร่วมวงหลังจากโดนไล่ออกจากวง Black Sabbath เขาเป็นคนติดต่อให้ Randy Rhoads มาทดสอบฝีมือกับ Ozzy

ซึ่ง Randy ก็ผ่านการทดสอบในเวลาไม่ถึง 1 นาที (ตามคำบอกเล่าของ Dana)

การร่วมงานกับ Ozzy เปลี่ยนชีวิตของ Randy ไปตลอดกาล ถึงแม้เขาจะผิดหวังที่เป็นเพียงแค่ “ลูกจ้าง” แต่อย่างน้อย นี่คือประสบการณ์ที่เขาไม่เคยคิดฝันว่าจะได้ทำอะไรแบบนี้มาก่อน

“ก่อนหน้าที่จะพบ Ozzy ผมมักจะรู้สึกไม่มั่นใจเวลาอยู่บนเวที ถ้าแอมป์มีปัญหา หรือว่าระบบเสียงมันออกมาไม่ดี มันจะส่งผลกระทบต่อการเล่นของผม แต่การอยู่กับ Ozzy ทำให้ผมมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เขาดันผมให้ลองทำอะไรหลายอย่างซึ่งผมคงไม่คิดจะทำถ้าไม่ได้ร่วมงานกับเขา”

Randy Rhoads

แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นไปเสียหมด Rudy Sarzo เพื่อนร่วมวง Quiet Riot และมือเบสของ Ozzy ในช่วงท้ายชีวิตของ Randy เล่าว่า Randy เปรย ๆ ว่าอยากจะออกจากวงของ Ozzy ด้วยเหตุผลหลายประการ

เช่น

การบรรเลงเพลง Black Sabbath ทุกคอนเสิร์ต 

วง Black Sabbath อาจจะเป็นวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ แต่ Randy ไม่ชอบดนตรีของ Black Sabbath การต้องเล่นเพลงคลาสสิกของ Black Sabbath เป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับเขา แต่ทุกคอนเสิร์ต จะต้องปิดท้ายด้วย Iron Man หรือ Children Of The Grave กับ Paranoid ซึ่งทุกคนที่เกี่ยวข้องบอกว่ามันจำเป็นเพราะมันคืออดีตของ Ozzy

Randy ได้แต่จำใจเล่น

จบทัวร์แรกกับ Ozzy เขาใช้เงินก้อนแรกที่ได้ ซื้อกีตาร์อคูสติกราคา 5,000 ดอลลาร์ และตั้งใจศึกษากีตาร์คลาสสิกอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันไร เขาก็โดนบังคับให้กลับเข้าสตูดิโอเพื่อที่จะบันทึกอัลบั้มลำดับที่ 2 ซึ่งเขารู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะทำอัลบั้มใหม่ เพราะบทเพลงยังไม่มีในมือ “ผมไม่ค่อยชอบบางเพลงเท่าไหร่ เราโดนเร่งให้เข้าสตูดิโอเพราะว่าเราต้องไปออกทัวร์อเมริกา”

ปัญหาที่สองก็ตามมา เมื่อ Bob Daisley กับ Lee Kerslake โดนไล่ออกจากวงก่อนหน้าออกทัวร์สหรัฐอเมริกาเพียงไม่กี่สัปดาห์ เพียงเพราะทั้งคู่ยืนกรานว่า นี่คือวงดนตรีที่แต่ละคนมีส่วนเท่าเทียมกัน ไม่ใช่เป็นวงของ Ozzy 

Sharon ผู้จัดการของ Ozzy เลยจัดการเชือดผู้บังอาจแข็งข้อด้วยการไล่ทั้งคู่ออกจากวง ตอนแรก Randy จะออกตาม แต่ Bob และ Lee บอกให้ Randy อยู่กับ Ozzy ต่อ

 Randy ขอให้พิจารณาเลือก Frankie Banali กับ Rudy Sarzo เพื่อนเก่าให้เข้าร่วมวง แต่ในเวลานั้น Ozzy เลือก Tommy Aldridge ไว้ก่อนแล้ว จึงได้เพียง Rudy Sarzo

หลังออกทัวร์ Diary of a Madman ไม่นาน สถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป สองอัลบั้มแรกของ Ozzy เริ่มขายดี ทำให้ได้เล่นในสถานที่ใหญ่กว่าเดิม จึงมีการประดับเวทีให้ดูอลังการงานสร้าง แต่นักดนตรีกลับรู้สึกว่าทำให้เล่นดนตรีลำบาก อย่างเช่น กลองของ Tommy Aldridge โดนยกสูง จน Tommy บอกว่าเขาแทบไม่ได้ยินว่าวงกำลังเล่นอะไรกันอยู่ แอมป์ของ Randy กับ Rudy โดนเอาไปซ่อนหลังกำแพงปราสาทปลอม ซึ่งทำให้เขาปรับแต่งเสียงให้ได้อย่างที่ต้องการลำบาก

นอกจากนี้ Sharon ยังเข้ามาก้าวก่ายเรื่องดนตรีมากขึ้น เช่นเอาท่อนอินโทรของเพลง “Diary of A Madman” ที่เขาทำออกในระหว่างการแสดงคอนเสิร์ต แล้วเอาผลงานของ Carmina Burana มาใช้แทน

แต่สิ่งที่น่าเบื่อที่สุดก็คือ Ozzy กับ Sharon ที่ทะเลาะกันทุกวัน จนเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับ Randy เรื่องเหล่านี้ บั่นทอนสุขภาพจิตของเขา โดยเฉพาะพฤติกรรมขาดสติของ Ozzy เช่น กัดหัวค้างคาว ปัสสาวะรดป้อมอลาโมที่เป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์อเมริกา ความบ้าบอทั้งหลายแหล่ รวมถึง แฟนเพลงเอาซากแพะมาคอนเสิร์ตจน Randy รู้สึกว่ามันเหมือนละครสัตว์มากกว่าวงดนตรี

เขาเริ่มตีตัวออกหากมากขึ้น ใช้เวลาไปกับการศึกษาดนตรีคลาสสิกกับครูสอนดนตรีท้องถิ่น ใช้เวลาในการฝึกซ้อมกีตาร์คลาสสิก และหัดเขียนเพลงคลาสสิก 

และเมื่อ Randy เจอยื่นข้อเสนอให้เล่นเพลงของ Black Sabbath ทั้งหมด เพื่อบันทึกเสียงทำอัลบั้มแสดงสด (ซึ่ง Sharon อ้างว่า เธอจำเป็นต้องทำเพื่อจะได้ปลดสัญญา Ozzy ออกจากบริษัท Jet) ทำให้เขาประท้วงไม่ยอมเล่น โดย Tommy และ Rudy เข้าข้างเขา ส่งผลให้ Ozzy โกรธจนไล่ทุกคนออกจากวง แต่ Sharon ยับยั้งเอาไว้ พร้อมทั้งเตรียมหานักดนตรีไว้สำรองเผื่อฉุกเฉิน

คนรอบตัว ทั้ง Kelle Rhoads และ Rudy Sarzo บอกตรงกันว่า Randy ไม่มีความสุขที่ต้องเล่นเพลงของ Black Sabbath และเขาไม่เข้าใจว่า ในเมื่อออกอัลบั้มลำดับที่ 2 แล้ว ทำไมยังคงต้องเล่นเพลงของ Black Sabbath ด้วย

Randy เลยยื่นคำขาดว่า ถ้าจะให้ทำเพลงของ Black Sabbath เป็นอัลบั้ม เขาก็จะเล่น แต่หลังจากเล่นแล้ว เขาจะลาออกจากวงเพื่อไปเรียนดนตรีคลาสสิก

Ozzy โกรธจนต่อย Randy 

เขาไม่ได้เกลียด Ozzy เขาแค่เกลียดการใช้ชีวิตแบบนั้น

– Delores Rhoads

ขณะที่เขากำลังจะเลือกว่าจะไปศึกษาต่อที่ยูซีแอลเอหรือว่าจะเล่นกับ Ozzy ต่อไป โชคชะตาก็กำหนดชีวิตให้แทน

 เมื่อจบการแสดงในงาน The Rock Superbowl XIV ที่ออร์แลนโดในวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 1982 เรียบร้อย ขณะที่รถบัสขับถึงเมืองลีเบิร์กก็ต้องหยุดเพื่อซ่อมแซมบางอย่าง และที่ซ่อมรถนี้มีสนามบินขนาดเล็กอยู่ด้วย Andrew Aycock คนขับรถซึ่งเป็นคนเมืองนี้และมีใบอนุญาตขับเครื่องบินอยู่แล้ว เลยลองขับเครื่องบินเล่น

เครื่อง Beechcraft Bonanza F35 เป็นเครื่องบินเครื่องยนต์เดี่ยว ผลิตเมื่อปีค.ศ. 1955 นำพา Don Airey และ Jake Duncan บินโฉบเฉี่ยวบนท้องฟ้า ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร Don จึงมาชวน Randy ลองขึ้นไปบินเล่นบ้าง

Randy กลัวการบินแบบนี้ เขาชวน Rudy ให้ไปด้วยกัน แต่ตอนนั้น Rudy ง่วงและอยากนอนมากกว่า Rachel Youngblood ช่างเสื้อผ้าประจำทัวร์ จึงอาสาไปเป็นเพื่อน

ตอนแรกก็ดูเหมือนไม่มีอะไร Don Airey หยิบกล้องมาถ่ายรูปการบินครั้งนั้นไว้ เขาเล่าว่าเห็นอาการเครื่องบินแปลก ๆ ก่อนที่จะดิ่งลงพื้นและคร่าชีวิตทั้ง 3 คน

Randy Rhoads จากไปตลอดกาล…

One thought on “Randy Rhoads

Leave a Reply

Scroll to top
%d bloggers like this: