Sinéad O’Connor: ชีวิตดั่งโศกนาฏกรรม

FR!DAY ! AM !N ROCK รู้จัก ชีนเอด โอ คอนเนอร์ (Sinéad O’Connor) ครั้งแรกในมิวสิกวิดีโอ ‘Nothing Compares 2 U’ ภาพของหญิงสาวโกนหัวเต็มจอมันติดตรึงอยู่ในใจนับแต่นั้น และอัลบั้มนั้นก็ทำยอดจำหน่ายได้หลายล้านแผ่น เธอโด่งดังแทบจะในชั่วข้ามคืน

แต่เมื่อเธอฉีกรูปถ่ายของพระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่สองในรายการ Saturday Night Live ในปี 1992 เพื่อเป็นการประท้วงการเมินเฉยต่อเหตุล่วงละเมิดเด็กในโบสถ์คาทอลิก โลกก็หันหลังให้เธอ

หลังจากนั้นเธอก็พบแต่โศกนาฎกรรมจนวาระสุดท้ายของชีวิต

แม้ว่ามักจะขี้อายและเก็บตัว แต่จากสิ่งที่เธอให้สัมภาษณ์เราปะติดปะต่อความเป็นไปในชีวิต

ชีนเอด โอ คอนเนอร์ เกิดในดับลินเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 1966 เธอกล่าวหาพ่อแม่ว่าทำร้ายเธอตั้งแต่ยังเยาว์ และส่งผลต่อพฤติกรรมของเธอต่อมา เช่นการโดนส่งไปอยู่ใน Magdalene ซึ่งเป็นองค์กรของคาทอลิกถึง 18 เดือนเพราะเธอโดนจับได้ว่าขโมยของในร้านค้า

แต่ที่นี่เอง ที่เสียงร้องของเธอสะดุดหูอาสาสมัครรายหนึ่งซึ่งเป็นน้องสาวมือกลองคณะ  In Tua Nua ซึ่งนำไปสู่การบันทึกเสียงกับวงนี้ 1 เพลง แต่ด้วยอายุเพียง 15 ปีทำให้สมาชิกวงเห็นว่าเธอเยาว์วัยเกินกว่าจะมาร่วมวงได้

เมื่อออกมาจากที่กักกัน เธอก่อตั้งวง Ton Ton Macoute วงแรกของเธอผ่านโฆษณาใน Hot Press วงนี้ได้รับความนิยมในดับลิน และเซ็นสัญญากับ Ensign Records ก่อนเปิดตัวอัลบั้ม ‘The Lion And The Cobra’ ในปี 1987 ประสบความสำเร็จตามสมควร

ดนตรีของ Ton Ton Macoute สวยงามผสานป๊อป แดนซ์ และดนตรีพื้นบ้านของชาวไอริช แต่มีเนื้อหาหนักหน่วง ทั้งเรื่องคาทอลิก สังคม ครอบครัว 

ในช่วงกำลังทำอัลบั้ม ‘The Lion And The Cobra‘ เธอได้รับคำแนะนำให้ทำแท้ง เพื่อจะได้มุ่งสู่การทำงานเต็มตัว แต่เธอตัดสินใจเก็บลูกชาย (เจก) เอาไว้ แต่อย่างไรก็ตาม ในอีกสองสามปีถัดมา เธอตัดสินใจทำแท้งหลังจากรู้สึกว่าไปกับสามีในขณะนั้นไม่ได้ (เพลง”My Special Child” เขียนขึ้นเพื่อบรรยายความรู้สึกถึงช่วงเวลานั้น)  

ชีนเอด แสดงตัวชัดเจนว่าเธอต่อต้านสงคราม ต่อต้านศาสนา และต่อต้านการเหยียดผิว (ในงานประกาศผลรางวัลแกรมมี่อวอร์ดปี 1989 เธอได้แสดงโดยตัดแต่งผมเป็นโลโก้ Public Enemy เพื่อประท้วงศิลปินแร็พผิวดำที่ถูกรางวัลนี้มองข้าม) และเป็นแกนนำในประเด็นการกีดกันทางเพศในวงการเพลงและการทารุณกรรมเด็ก (รณรงค์ให้จับกุมเจ้าหน้าที่คริสตจักรคาทอลิกที่ล่วงละเมิดทางเพศ) ในปี 1990 เธอกล่าวว่าเธอจะไม่แสดงหากต้องเล่นเพลงชาติอเมริกันก่อนการแสดง ทำให้แฟรงก์ ซินาตราขู่ว่าจะ “เตะก้นเธอ” 

หลังจากการประท้วงอย่างจริงใจของเธอใน SNL ในปี 1992 – ฉีกรูปถ่ายของสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น พอลที่ 2 ระหว่างเพลง ‘War’ ของ บ็อบ มาร์ลี จากนั้นปาใส่กล้องด้วยคำว่า “ต่อสู้กับศัตรูที่แท้จริง” (หลังจากนั้นถึง 9 ปี กว่าที่สมเด็จพระสันตะปาปาจะทรงยอมรับว่ามีการล่วงละเมิดเด็กในโบสถ์คาทอลิก)

ผลการกระทำครั้งนั้นทำให้เธอโดนต่อต้าน และถึงขั้นโห่ไล่เมื่อเธอเล่นเพลง ‘War’ ที่ท้าทายอีกครั้งในคอนเสิร์ตฉลอง 30 ปีของบ็อบ ดีแลน อัลบั้มปี 1992 ‘Am I Not Your Girl?’ ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ในปีนั้น ระหว่างทัวร์กับ ปีเตอร์ กาเบรียล (ซึ่งกำลังคบหากันอยู่ในตอนนั้น) เธอกินยานอนหลับเกินขนาด ซึ่งเธอบอกว่าเป็นการพยายามฆ่าตัวตาย

หลังจากนั้นเธอก็ตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว แต่งงานและการหย่าร้าง ป่วยเป็น PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder โรคเครียดภายหลังเผชิญเหตุการณ์สะเทือนขวัญ) ป่วยทั้งกายและใจ เผชิญหลายสิ่งหลายอย่าง เชน ลูกชายของเธอฆ่าตัวตายในวัยเพียง 17 ปี

 เธอเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามในปี 2008 เปลี่ยนชื่อเป็น ชูฮาดา ซาดากัต (Shuhada’ Sadaqat) ออกแสดงสดโดยสวมฮิญาบ

มีคนพบร่างไร้วิญญาณของเธอในวันที่ 26 กรกฎาคม 2023 รายงานว่าเป็นการเสียชีวิตที่ “ไม่มีข้อสงสัยว่ามีเรื่องผิดปกติ”

Leave a Reply

Scroll to top
%d bloggers like this: