Vivian Campbell VS Ronnie James Dio
Vivian Campbell หนึ่งในมือกีตาร์ผู้สร้างผลงานเยี่ยมยอดกับวง Dio แต่เมื่อออกจากวง Dio แบบไม่สวยงามเท่าไหร่ มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับ Ronnie James Dio
เห็น Last in Line ปล่อยเพลงใหม่จากอัลบั้ม Jericho แล้วก็ได้แต่คิดว่า เออ ก็อยู่กันนานเหมือนกันแฮะ ตอนแรกคิดว่าวงนี้จะเป็นวงที่ออกมาสักอัลบั้มหนึ่งแล้วก็แยกย้ายกันไป แต่นี่ทำกันสามอัลบั้มแล้ว สำหรับท่านที่ไม่คุ้นเคยกับ Last In Line ต้องย้อนกลับไปหน่อยว่า วงนี้เป็นวงดนตรีจากนักดนตรีที่เคยเล่นในวง Dio ช่วง 3 อัลบั้มแรก ตอนแรกมารวมตัวกันเพื่อออกทัวร์คอนเสิร์ตเล่นเพลงของ Dio นั่นแหละ พอผ่านไปนาน ๆ ก็ออกอัลบั้มทำเพลงใหม่กันเลย
บอกตามตรง ตอนแรกไม่คิดว่านาย Vivian Campbell จะกลับมาหากินกับชื่อเสียงของ Dio หลังจากที่เขาเคยมีปัญหาและออกมาสาดเสียเทเสีย Ronnie จนแทบไม่เผาผีกันอยู่แล้ว ยิ่งครั้งหนึ่งเคยเดือดขนาดบอกว่า ช่วงเวลาที่อยู่กับ Dio ไม่ได้มีความหมายอะไร เขาไม่ชอบดนตรีฮาร์ดร็อก และเด็ดที่สุดอยู่ที่การบอกว่า Ronnie เป็นคนที่สนใจแต่เรื่องเงินอย่างชั่วร้าย
“คืนแล้วคืนเล่าที่เขาสนใจแต่เรื่องเงิน เขามีเสียงที่ยอดเยี่ยมทรงพลังเหลือเชื่อกับแนวดนตรีที่เล่าเรื่องป้อมปราการ มังกร สายรุ้ง คนแคระ มันเป็นเฮฟวีเมทัลแบบดั้งเดิม เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์เป็นเลิศ แต่เขาเป็นนักธุรกิจด้วยเช่นกันและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้นทุกที เขาเป็นหนึ่งในคนที่เลวร้ายที่สุดในธุรกิจนี้”
ข้างบนนี่ถอดความมาแบบค่อนข้างละมุนแล้วนะ Vivian Campbell ให้สัมภาษณ์ไว้อย่างนั้นเมื่อปี ค.ศ. 2003 และบทสัมภาษณ์นี้เผยแพร่ในเว็บไซต์ของวง Def Leppard (ปัจจุบันหายไปแล้ว) และกลายเป็นหัวข้อสนทนาในหมู่แฟนเพลงกันมากมาย เพราะจะว่าไป Ronnie อยู่ในสถานะปูชนียบุคคลของวงการเมทัล มีคนยอนรับนับถือในวงกว้าง ตอนแรก Ronnie ตอบกลับในนิตยสาร Hit Parader เพียงว่า “ขอให้เขาโชคดี” แต่ในปีค.ศ. 2007 มีคนนำเรื่องที่ Vivian พูดถึงเขาในแง่ลบไปถามเขา Ronnie ก็หลุดบริภาษ Vivian ไปหลายคำ
Vivian กับ Ronnie ไม่มีโอกาสปรับความเข้าใจกันจนถึงวันสุดท้ายในชีวิตของ Ronnie
ก่อน Ronnie เสียชีวิตในปีค.ศ. 2010 เขาให้สัมภาษณ์ถึง Vivian ว่า
“ในความคิดของผมในช่วงวันแรก ๆ เขาเป็น – และยังคงเป็นมือกีตาร์ที่ยอดเยี่ยม ผมมองว่าเขานักดนตรีที่ดี แต่ในฐานะ-คน-คนหนึ่ง…เขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับพวกเราที่เหลืออีกต่อไป ซึ่งมีผลมหาศาลเมื่อคุณมีคนสี่คนที่ยืดหยุ่นและเข้มแข็งเพื่อทำให้ดีที่สุด แต่มีคนหนึ่งที่แสดงอย่างชัดเจนว่าไม่ร่วมด้วย มันทำให้ทีมไม่มีความสุข”
เมื่อ Ronnie James Dio เสียชีวิต Wendy ภรรยาและผู้จัดการ ยังรักษาชื่อเสียงของเขาให้อยู่ในวงการต่อโดยทำวง Dio Disciples แสดงสดตามที่ต่าง ๆ เป็นกิจจะลักษณะ เดิมทีคือสมาชิกวงยุคท้ายสุดที่ทำงานกับ Ronnie จนถึงวาระสุดท้าย สมาชิกวงก็มี Craig Goldy เล่นกีตาร์ Rudy Sarzo เล่นเบส Simon Wright ตีกลอง และ Scott Warren เล่นคีย์บอร์ด (ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงตัวสมาชิกบ้าง) โดยใช้นักร้องนำเสียงดีเช่น Tim Oven, Oni Logan Mark Boals มาเป็นนักร้องนำ
แต่ทางฝั่งสมาชิก Dio ยุคคลาสสิกไลน์-อัป คงเห็นว่า จะให้พวกนี้หากินกับผลงานคลาสสิกของตัวเองก็กระไรอยู่ เราจึงควรทำวงหากินกันบ้างเถอะ สมาชิกที่เล่นกับ Dio ในสามอัลบั้มแรก นั่นคือ Vinny Apice (มือกลอง) Jimmy Bain (มือเบส) Claude Schnell (คีย์บอร์ด) และ Vivian Campbell มือกีตาร์ จึงกลับมาทำงานร่วมกันในชื่อวง Last In Line ตามชื่ออัลบั้มลำดับที่ 2 ของวง Dio
ส่วนนักร้องนำเป็น Andrew Freeman (เคยเป็นนักร้องนำให้กับวง Lynch Mob มาก่อน)
ตอนแรกวงนี้เป็นวงที่เน้นออกทัวร์ เล่นเพลงของ Dio กันเป็นหลัก แต่ผ่านไปสามปีออกอัลบั้มแรกของตัวเอง โดยปราศจาก Claude Schnell โดยอ้างว่าต้องการจะเป็นวงสี่ชิ้น และให้เป็นวงที่เน้นเสียงกีตาร์เป็นหลัก
อ่านคำแถลงแล้วก็ได้แต่นึกในใจว่า เรื่องเงินแหละ น่าจะอยากให้ตัวหารน้อยกว่าเดิม Claude เคยออกมาบอกว่าคำแถลงของวงนั่นมันช่าง… “ผมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องเสแสร้งจากคนที่เป็นเพื่อนกันมาร่วมสามทศวรรษ”
และในเมื่อ หากินกับชื่อเสียงเก่า ๆ ของ Dio ยอดชายนาย Vivian จึงบอกว่าเขาเสียใจที่พูดอะไรแบบนั้นไป

เรื่องราวจากฝั่ง Vivian Campbell
“Ronnie และผม เราทั้งคู่ทำผิดพลาดในการถ่ายทอดความคับข้องใจของเราต่อสาธารณะซึ่งไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย แต่คุณรู้ว่ามันเป็นยังไง และหลังจากที่ Ronnie ล่วงลับไปแล้ว ผมถึงมองสถานการณ์ทั้งหมดในมุมมองที่แตกต่างไปมาก หลายปีที่ผ่านมาผมไม่ต้องการทำอะไรที่อาศัยชื่อเสียงของ Dio ตอนนี้ผมต้องการจุดกองไฟนั้นอีกครั้ง”

Vivian เล่าความหลังสมัยที่เขาร่วมงาน และเหตุแห่งความบาดหมางระหว่างเขากับ Ronnie ว่า
“ผมรู้จัก Jimmy แต่ไม่เคยพบ Ronnie หรือ Vinny มาก่อน ความจริงผมเป็นแฟนตัวยงของ Dio ผมหมายถึงผมมี Rainbow’s Rising ผมมี Long Live Rock and Roll อาจจะดูไม่ค่อยน่าเชื่อว่า ในช่วงนั้นผมไม่ใช่แฟนเพลง Black Sabbath แต่ผมชอบอัลบั้ม Heaven and Hell มาก ผมฟังมันเวลาขับรถอยู่บ่อย ๆ ใช่ ผมเป็นแฟนตัวยงของ Ronnie บอกได้ว่าผมเกร็งมาก ๆ
ความจริงผมว่าตลอดเวลาที่ผมร่วมงานกับ Ronnie ผมเกร็งตลอดเวลานั่นแหละ นี่คือคนที่ผมฟังเพลงเขามาตั้งแต่อายุแค่ 12 ปีหรือประมาณนั้น เขาคือร็อกสตาร์ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นดาราดัง ส่วนผมมันก็แค่เด็กที่ไม่มีใครรู้จักจากเบลฟาสต์ แล้วเขาก็อายุมากกว่าผมเยอะด้วย ดังนั้นมันก็มีเรื่องของวัยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ผมไม่คิดว่าทั้งRonnie และผมจะรู้สึกสนิทใจระหว่างกันมากนักในแง่การใช้ชีวิต มันมักจะมีเรื่องกระอักกระอ่วนใจระหว่างความสัมพันธ์ของเรา แต่เราทำงานร่วมกันด้านดนตรีได้ดีมากตราบเท่าที่เราไม่คุยกันในเรื่องอื่น มันเยี่ยมมาก
สองอัลบั้มแรกมันสนุกกว่าอัลบั้มลำดับที่สาม Sacred Heart เป็นอัลบั้มที่ทำงานยากด้วยเหตุผลหลายประการ ผมคิดว่ามันออกจะซับซ้อนเกินไปสำหรับวง ผมคิดว่าเราอยากจะทำอะไรไปไกลจากเดิม ผมว่า Jimmy และ Vinny คงรู้สึกแบบเดียวกัน เป็นอัลบั้มที่เขียนเพลงด้วยความยากลำบาก บันทึกเสียงก็ยากกว่าเดิม Ronnie กำลังอยู่ในด้านมืดของเขาพอดี ตอนนั้นเขามีปัญหากับภรรยาของเขา Wendy ซึ่งเป็นผู้จัดการวงด้วย ตอนนั้นเหมือมีเงาทะมึนอยู่รอบตัว Ronnie และไม่มีใครรู้สึกสบายใจเวลาอยู่ใกล้เขา
Ronnie เป็นคนดูแลการผลิตอัลบั้มเองด้วย นั่นยิ่งทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องทำงานลำบาก มันเป็นด้านมืดของ Dio เหมือนมีเงาทะมึนครอบคลุมอยู่ตลอดและผมสะท้อนมันออกมาในอัลบั้ม ผมไม่มีความรู้สึกที่ดีสำหรับอัลบั้มนั้น แต่ Holy Diver และ Last in Line เป็นอัลบั้มที่ยอดเยี่ยม เขียนเพลงออกมาอย่างง่ายดาย บันทึกเสียงก็ง่าย
“ผมคงเหมือนเสี้ยนตำใจ Dio ตอนที่วงดนตรีเพิ่งเริ่มต้น สักคืนในเดือนกันยายน ค.ศ. 1982 ในลอนดอน Ronnie เคยนั่งคุยกับเราตอนเราเล่นด้วยกัน มันเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอหน้าพร้อมกันทั้งหมดและเล่นดนตรีด้วยกัน Ronnie นั่งคุยกับพวกเราแล้วเขาก็ตื่นเต้นมากกับข่าวที่เขาได้รับมา เขาเล่าเรื่องของเขาว่าเขากับVinny ได้ออกจากวง Black Sabbath และตอนนี้ก็ได้สัญญากับบริษัทแล้วว่าพวกเราจะทำวงชื่อ Dio เพราะมันเป็นชื่อที่ทุกคนรู้จัก และเราจะเขียนเพลงร่วมกัน
เขาบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีเงิน คุณจะได้เงินหลักร้อยดอลลาร์ต่อสัปดาห์ ซึ่งเราก็ได้ตามที่เขาบอก แต่เขาบอกว่าถ้างานนี้สำเร็จในอัลบั้มลำดับที่ 3 เราจะเปลี่ยนสถานภาพใหม่เป็นสมาชิกวงเต็มตัว ซึ่งผมยึดติดกับเรื่องนี้มาก คนส่วนใหญ่มักสรุปย่อว่ามันเป็นเรื่องของเงิน ไม่เลย มันไม่ใช่เรื่องเงิน สำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องของหลักการ ผมเป็นคนรักษาคำพูด เมื่อใครสักคนสบตาผมขณะจับมือผมพร้อมคำสัญญา ผมรักษาสัญญามาตลอด แต่ Dio ไม่เคยทำตามสัญญา
ด้วยความสัตย์ หลังจากผ่านมาหลายทศวรรษตอนนี้เมื่อผมมองกลับไป ผมคิดว่าผมรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น Ronnie ไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้ Wendy รับรู้ และ Wendy ไม่เคยเห็นคุณค่าของความเป็นวง สิ่งเดียวที่เธอสนใจก็คือ Ronnie และการที่ Ronnie มีนักดนตรีสามคนเล่นกีตาร์ เบส และกลองก็เป็นเรื่องดีแค่นั้น
ความจริง Ronnie น่าจะรู้ว่าวงเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ อัลบั้มลำดับที่ 3 ออกมาอย่างที่ผมบอกว่า Ronnie กำลังอยู่ในด้านมืด ตอนนั้นเขากำลังแยกทางกับ Wendy และผมก็คุยกับ Ronnie ตอนเริ่มทำ Sacred Heart และผมก็บอกเขาไปว่าผมอยากจะทำมันร่วมกับคุณ เราทำอัลบั้มที่สามแล้ว และมันถึงจุดที่วงดนตรีของเรากำลังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เราขายอัลบั้มได้หลักล้านแผ่นโดยที่ Vinny Jimmy และผมไม่ได้อะไรเลย
เราขายเสื้อยืด สินค้าที่ระลึกได้นับแสนดอลลาร์โดยที่มีชื่อพวกเรา หน้าตาของพวกเขา ปรากฏอยู่โดยที่เราไม่ได้อะไรตอบแทน เราขายตั๋วคอนเสิร์ตได้หลักล้านดอลลาร์โดยที่เราไม่ได้อะไรเลย เราได้ค่าจ้างต่ำกว่าเด็กยกของในทัวร์ของเรา ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี เรายอมทำงานนี้เพราะว่าเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก เป็นงานที่เราอยากทำและเราลงทุนทำไปเพราะเรารู้ว่าเดี๋ยวพอถึงอัลบั้มที่สามเราจะได้ส่วนแบ่งที่เท่าเทียมเพราะ Ronnieสัญญากับเรา
ผมทำแบบนั้นเพราะผมไม่มีอะไรจะเสีย ผมยังไม่แต่งงาน ผมยังไม่มีลูก ผมยังไม่มีบ้านด้วยซ้ำเลยไม่ต้องผ่อนบ้าน อะไรจะดีกว่านี้ ผมได้แต่พูดกับ Ronnie ว่าเราต้องคุยกันเรื่องนี้ เรากำลังทำอัลบั้มที่สามแล้วนะ แล้ว Ronnie ก็จะบอกว่าโอเค ทำอัลบั้มให้เสร็จก่อนแล้วเราจะมาคุยกับ Wendy กันว่าจะทำยังไงต่อเราก็เลยทำอัลบั้มจนเสร็จแล้วก็ซ้อมเพื่อเตรียมออกทัวร์ ผมก็พูดเรื่องนี้กับ Ronnie อีก Ronnie เราต้องคุยเรื่องนี้จริงจังแล้วนะเราทำอัลบั้มสามเสร็จแล้ว Ronnie ก็บอกว่า ซ้อมให้เสร็จก่อนเธอ ตอนที่เราออกทัวร์เราจะคุยกับ Wendy เราก็เลยซ้อมแล้วก็ออกทัวร์กัน
ระหว่างออกทัวร์ผมคุยเรื่องนี้อีก เขาก็บ่ายเบี่ยงไปอีก จนกระทั่งตอนที่เราจบทัวร์อเมริการอบแรกเราได้พักก่อนจะเริ่มทัวร์อังกฤษ ผมกลับไปไอร์แลนด์เพื่อใช้เวลาอยู่กับครอบครัว แล้วไม่นานหลังจากที่ผมอยู่ไอร์แลนด์ ผมก็ได้รับสัญญาจาก Wendy Dio ที่ส่งมาทางเฟด-เอ็กซ์ ในสัญญาระบุให้เพิ่มไม่กี่ร้อยดอลลาร์ต่อสัปดาห์และบอกให้ผมเซ็นสัญญาและส่งกลับไป ถ้าไม่ส่งกลับไปในเวลา 48 ชั่วโมง หมายความว่าผมจะไม่ได้อยู่ในวงอีกต่อไป ผมพยายามโทรศัพท์หา Ronnie แต่เขาไม่รับสาย นั่นล่ะ สิ่งต่อมาก็อย่างที่คุณรู้ Craig Goldy เข้ามาร่วมวงและทางวงก็ออกทัวร์อังกฤษกับ Dio
Ronnieให้สัมภาษณ์ว่าผมลาออกจากวง ซึ่งมันไม่ใช่ความจริง ผมโดนไล่ออกกลางทัวร์เพราะว่าผมอยากให้เขารักษาคำพูด และเรื่องมันก็จบลงแบบนี้ Ronnie ไม่กล้าพอที่จะโต้แย้งกับภรรยา เขาไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับ Wendy แล้วบอกว่า ผมสัญญากับพวกเขาไปแล้ว นี่คือสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นและมันควรจะเกิดขึ้น แล้วก็บอกตรง ๆ ผมไม่คิดว่าวงจะเป็นเหมือนเดิมอีกหลังจากนั้น และผมคิดว่าถ้า Ronnie ยังมีชีวิตอยู่และถ้าเขามีเกียรติพอ เขาจะยอมรับในสิ่งที่ผมบอก ถ้า Ronnie ยังมีชีวิตอยู่และถ้า Wendy ไม่ใช่ผู้จัดการของเขา ผมก็คงได้เล่นกับ Dio อีก ผมคงทำมันไปนานแล้วล่ะ Wendy ไม่เคยเห็นคุณค่าของวงและท้ายที่สุดจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เห็นว่ามันมีความหมายอะไร”
เรื่องราวจากฝั่ง Vinny Apice
เรื่องราวที่ Vivianเล่า ได้รับการสนับสนุนโดย Vinny Apice ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์
“มันมีปัญหาทางธุรกิจในวง เราได้คำสัญญาว่าจะแบ่งให้เราอย่างเท่าเทียม แต่ไม่ใช่ในอัลบั้มแรกเพราะว่ามันมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ต้องลงทุนไปเป็นจำนวนเยอะมากที่ Ronnie เป็นคนจัดการเรื่องนั้นทั้งหมด แต่คำสัญญานั้นไม่เคยเป็นจริง เราออกทัวร์ตามสนามกีฬาขนาดใหญ่ ในสมัยนั้นเราทำเงินได้ไม่น้อยกว่า 8 ล้านดอลลาร์ แต่เราไม่ได้ส่วนแบ่งจากตรงนั้นเลย เราได้แต่เงินเดือนกับอะไรเล็กน้อย
เมื่อคำสัญญาไม่เป็นจริง Vivianก็เลยเรียกร้อง Ronnie และทีมบริหาร ซึ่งเรื่องนั้นทำให้ Ronnie ไม่ค่อยพอใจ แต่นั่นคือความรู้สึกของเราทุกคนนะ เราไม่ได้ในสิ่งที่เขาเคยสัญญาไว้และเราน่าจะทำอะไรได้ดีกว่าที่เราได้ทำลงไปแล้ว ใครบางคนได้เงินก้อนโต ซึ่งไม่ใช่เรา นั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Viv แล้ว Ronnie กับ Viv ก็เลยมองหน้ากันไม่ติด
ในที่สุด Ronnie ก็บอกผมว่า ผมจะไล่ Viv ออก ผมก็ได้แต่ อะไรนะ ผมตกใจ ผมบอก Ronnie ไปว่านั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีนะ เพราะว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของสำเนียงในวง แต่ Ronnie ได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาไปต่อได้โดยไม่ต้องพึ่ง Viv นั่นล่ะคือสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อคุณมีบางอย่างที่เข้ากันได้ในวงมันคือเวทมนต์มหัศจรรย์ที่มี คุณไม่ควรทำแบบนั้น มันเป็นส่วนหนึ่งสำเนียง ดูอย่าง Led Zeppelin ที่ไม่ยอมหามือกลองคนใหม่ ทั้งที่พวกเขาจะทำก็ได้ พวกเขาหาเงินได้เป็นล้านดอลลาร์แต่พวกเขาก็ไม่ทำจนกระทั่งพวกเขาให้ Jason ลูกชายของ John มาช่วยเล่น และมันคือความมหัศจรรย์ของการร่วมงานของคนในวงและมันออกมาดี
ถ้าคุณเปลี่ยนอะไรสักอย่างมันจะไม่เหมือนเดิม ทุกวันนี้มันต่างไปแล้ว อาจจะมีแค่สมาชิกวงดั้งเดิมแค่ 1 คน หรือบางทีไม่มีเหลือเลยสักคน แต่ก็ยังทำวงเพราะบางคนได้กรรมสิทธิชื่อและมันเป็นเรื่องของธุรกิจ พวกเขาต้องออกไปเล่นดนตรี แบบนั้นก็ดีนะ ตอนนี้ธุรกิจดนตรีมันเปลี่ยนไปแล้ว แต่ย้อนกลับไปตอนนั้น ตอนที่คุณเขียนเพลงพวกนั้นและมันกลายเป็นเพลงคลาสสิกร็อกหรืออยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ นั่นเป็นสิ่งสำคัญและมันไม่ควรเปลี่ยน”
“(Dream Evil) เป็นอัลบั้มที่ดี แต่ว่ามันปราศจากความดิบอย่างที่เคยมี ด้วยเหตุผลสองข้อ อย่างแรกมันมีเสียงคีย์บอร์ดเข้ามามาก เราไม่เคยเป็นวงที่พึ่งพาคีย์บอร์ดจริงจัง ใน Holy Diver นั้น Jimmy Bain เป็นคนเล่นในเพลง ‘Rainbow in the Dark’ บางที Ronnie ก็เล่นคอร์ดบ้างในบางเพลง นั่นแหละ เราเคยเป็นวงเน้นกีตาร์
แต่พอทัวร์กันได้สักพักเราก็มีมือคีย์บอร์ด ก็คือ Claude Schnell, Claude เป็นมือคีย์บอร์ดที่ยอดเยี่ยมและเป็นคนเยี่ยมยอด คีย์บอร์ดเริ่มมีบทบาทในดนตรีของเรามากขึ้น และทำให้ดนตรีออกจะละมุนขึ้นไม่ค่อยดิบเหมือนก่อน แล้วเมื่อ Craig Goldy เข้ามา เขามีสไตล์การเล่นแตกต่างจาก Viv ผมคิดว่ามันทำให้ทิศทางของดนตรีเปลี่ยนไปด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น Ronnie เริ่มควบคุมทุกสิ่ง ทั้งในฐานะผู้ดูแลการผลิต ก่อนหน้านั้นเราจะทำอย่างที่เราต้องการแล้ว และความคิดของทุกคนจะได้รับการยอมรับและนั่นทำให้วงนี้เป็นวงที่ยิ่งใหญ่ แต่ต่อมาก็ค่อย ๆ หายไปและกลายเป็นว่า Ronnie กุมทุกอย่างไว้กับตัวเอง และทุกสิ่งที่กลายเป็นวงดุดันน้อยลง ผมคงพูดได้ว่า (Ronnie) กลายคนที่ควบคุมทุกอย่างไว้แล้วความดิบ วัตถุดิบต่าง ๆ มันลดความดิบลง มันกลายเป็นลื่นละมุนผมคิดว่าด้วยพวกเสียงคีย์บอร์ด ทำให้ดนตรีมันเปลี่ยนไปไม่มีความมุ่งร้ายอย่างที่มันเคยเป็น”
เรื่องราวจากฝั่ง Jimmy Bain
Jimmy Bain มือเบสก็สนับสนุนเรื่องราวฝั่ง Vivian เขาให้สัมภาษณ์นิตยสาร Metal Hammer ในปีค.ศ. 2012 ว่า
“Viv ไม่ได้ทำอะไรที่ตั้งใจแสดงว่าเขาจะออกจาก Dio และก็ต้องคิดว่ามันเป็นวิธีที่ขี้ขลาด สำหรับผม การไล่ Viv ออกจากวงเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในอาชีพของ Ronnie ปัญหานั้นควรแก้ไขได้ง่ายดายแค่ Ronnie และ Wendy มีความตั้งใจที่จะทำเช่นนั้น”
Dio ควรจะดีขึ้นทุกครั้งที่ออกอัลบั้ม แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันตรงกันข้าม ภาคการผลิตมันจมไปใต้เสียงคีย์บอร์ดและเพลงก็ไม่ดีเพราะการทำเพลงมันยากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของ Ronnie ที่อยากเรียบเรียงบทเพลงและทำโครงสร้างเพลงให้ซับซ้อน”
จากฝั่ง Wendy Dio
Wendy Dio ภรรยาของRonnie เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่อง Vivian ไว้ว่า
“เขามักจะบอกว่าเกลียดอัลบั้มทั้งหมดที่เขาเล่นกับRonnie และนั่นทำร้ายจิตใจRonnieมาก เจ็บปวดมากทีเดียว แล้วคุณจะชอบคนที่พูดอะไรอย่างนั้นกับอัลบั้มของคุณเหรอ? เขาพูดอะไรผ่านสื่อเยอะแยะไปหมด แต่ฉันไม่อยากเข้าไปรับรู้ เพราะว่านี่ไม่ใช่เรื่องของ Ronnie หรอก Ronnie ไม่ได้ไล่เขาออก ฉันเป็นคนไล่เขาออกเอง เขาต้องการเงินมากขึ้นเท่ากับRonnie เขาคิดว่าเขาเป็นคนสำคัญเท่ากับ Ronnie ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด แต่ฉันไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้ เป็นเรื่องเก่าที่ผ่านไปแล้วน่ะ ไม่มีอะไร”
หลังจาก Vivian ออกจาก Dio เขาไปเล่นกีตาร์ให้วง Whitesnake ช่วงออกทัวร์สนับสนุนอัลบั้มยอดฮิตในปีค.ศ. 1987 ซึ่งระหว่างออกทัวร์ปรากฏว่าแฟนสาวของ Vivian มีปัญหากระทับกระทั่งกับ Tawny Kitaen จนโดนสั่งห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวกับวง และท้ายสุด Vivian ก็โดนไล่ออก (หรือ ลาออก ตามคำบอกของ Vivian) เมื่อจบทัวร์
จากนั้นเขาไปเล่นกับ Lou Gramm และร่วมวง Riverdogs จากนั้นก็เข้าร่วม Shadow Kings ของ Lou Gramm และลาออกมาร่วมงานกับ Def Leppard ถึงปัจจุบัน ซึ่งตั้งแต่ออกจากวง Whitesnake เขาก็ทำให้แฟนเพลงเสียดายที่ไม่ได้แสดงฝีมือกีตาร์ดุดันร้อนแรงอีกเลย จนกระทั่งเป็น Last in Line